• Others

  • Tips&Tricks

  • Idea&Inspiration

บ้านของศิลปิน นักสะสม นักช้อป อย่างฮ่องเต้ Art of Hongtae

  • โดย ฮ่องเต้-กนต์ธร เตโชฬาร (เจ้าของบ้าน)

  • 204

หัวข้อที่สนใจ

Key Takeaways

  • บ้านของนักช็อป ฮ่องเต้-กนต์ธร เตโชฬาร  ที่บอกว่าตัวเองเป็นคนบ้าสมบัติ กับบ้านที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ หลังจากรู้สึกว่าของสะสมเหล่านี้มันรกเกินไปแล้ว จึงนำมาสู่พื้นที่จัดเก็บ และมิกซ์แอนด์แมตช์ของสะสมหลายประเภทของเขาให้เข้ากันได้อย่างลงตัว
  • การแต่งบ้านก็คือการทดลองหาสไตล์ที่ชอบของตัวเอง ซึ่งสะท้อนกลับมาสร้างความรู้สึกดี ๆ ให้กับผู้อยู่บ้านด้วย ดังนั้นการแต่งบ้านคือสิ่งสำคัญ

หลายคนที่รู้จัก ฮ่องเต้-กนต์ธร เตโชฬาร หรือในแอคเคาท์ Art of Hongtae อาจจะรู้จักจากความเป็นศิลปินที่มีลายเส้นและผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นพิธีกรคุยสนุกที่สร้างโมเมนต์ดี ๆ ให้กับทุกคน และเป็นนักออกแบบคาแรกเตอร์ แต่ถ้าได้มีโอกาสแวะมาที่บ้านของเขา คุณก็จะรู้เลยว่าเขาเป็นนักสะสมตัวยง เพราะจะเห็นไอเท็มขนาดน้อยใหญ่ ตั้งแต่ ของเล่น ฟิกเกอร์ เลโก้ หัวโขน หุ่นกระบอก โครงกระดูกสัตว์ และอีกมากมายแบบที่นับชิ้นไม่ได้และแยกประเภทไม่ถูก แต่เขากลับจัดวางของที่เรารัก ในบ้านหลังนี้ได้อย่างลงตัว  

 

บ้านหลังนี้เพิ่งถูกทำใหม่ได้ไม่นาน สเปซหลัก ๆ ที่ฮ่องเต้ใช้ชีวิตอยู่ มันจะเป็นพื้นที่ชั้นสองและชั้นสาม โดยที่ชั้นสอง เป็นห้องของเล่น และห้องนอน ที่ที่เขาใช้ชีวิตอยู่มากที่สุด และชั้นสามเป็นเหมือนห้องทำงาน สตูดิโอและโชว์รูม ที่โชว์ทั้งผลงานของเขาเอง โชว์ของเล่น ของสะสมที่เขารัก

“เรามีสกิลในการดิสเพลย์ของที่ไม่เข้ากันให้มันเข้ากันได้”

Home of Curiosities

เราจะเห็นความเป็น Maximalist ของฮ่องเต้ได้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้านของเขา ฮ่องเต้บอกกับ NocNoc ว่าเป็นมนุษย์ที่มีของเยอะมาก ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่สามารถหาที่อยู่ให้กับของเหล่านั้นได้เลย ดังนั้นการทำบ้านครั้งล่าสุดของเขา คือความพยายามที่จะจัดระเบียบให้กับข้าวของเหล่านี้ ภายในบ้านสามชั้นซึ่งเป็นที่ที่ไว้ทำงาน พักผ่อน รับแขกและโชว์ของ 

 

“เราเป็นมนุษย์ที่ของเยอะมาก คือตั้งแต่จำความได้ก็เป็นคนบ้าสมบัติมากนะครับ ตั้งแต่เด็ก ๆ มาก็คือแม่สปอยล์ซื้อของเล่นให้ทุกอย่างที่เราต้องการ ดังนั้นก็จะชินกับการที่ตัวเองมีของเยอะ แล้วก็ชินกับการซื้อมาไว้ก่อน แล้วเราก็เป็นมนุษย์ที่ชอบอะไรหลากหลายเต็มไปหมด มันก็จะมีความยากลำบากในการที่ หนึ่งเสียเงินเสียทองกับการซื้อของ สองคือพอได้ของมาแล้วเก็บยังไง เก็บที่ไหน แล้วของแต่ละอย่างของเรา มันก็ไม่ได้เข้ากัน อย่างเช่น หุ่นยนต์กับเขากวาง เราก็เลยมีสกิลในการดิสเพลย์ของที่ไม่เข้ากันให้มันเข้ากันได้”

 

สกิลการโชว์ของของฮ่องเต้เรียกได้ว่าเป็นศิลปะเลยทีเดียว เพราะความรู้สึกเมื่อเราเดินอยู่ในห้องใด ๆ ก็ตาม นั้นให้บรรยากาศของความเป็นพิพิธภัณฑ์หรือแกลลอรี 

 

“เราชอบ Concept ของความเป็น Cabinet of Curiosity มันจะเป็นบ้านของนักสะสมที่บ้าสมบัติมากๆ ซึ่งเราก็จะมีพวกสัตว์สต๊าฟหรือว่ากระดูกสัตว์ ชิ้นเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งมันจะยากที่จะเอามาจัดแสดงด้วยกัน แต่คอนเซปต์นี้คือเขาเอาทุกอย่างมาจัดด้วยกัน ให้มันมี Composition ให้มันเป็นภาพศิลปะ ซึ่งเรามองว่า มันน่าสนใจดีนะที่จะทำบ้านหลังหนึ่งให้มันเป็นกระเป๋าหรือเป็นกล่องของสะสมของ”

“มันน่าสนใจดีนะที่จะทำบ้านหลังหนึ่งให้มันเป็นกระเป๋าหรือเป็นกล่องของสะสมของ”

Maximalist

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว ฮ่องเต้เรียนจบภาควิชาออกแบบภายใน แต่ไม่เคยได้ทำงานออกแบบบ้าน หรือทำงานที่เกี่ยวกับความเป็นสถาปนิกเลย ดังนั้นจึงได้โอกาสใช้วิชาที่เรียนมากับ ‘บ้าน’ ของตัวเอง ในสไตล์ที่ตัวเองชอบ ก็คือความเป็น Maximal ให้สุด 

 

“เราเริ่ม adapt ฟังก์ชันบางอย่างที่ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นให้เป็นอีกแบบหนึ่ง อย่างเช่น กล่องใส่รองเท้า เราก็เอามาใส่ของ กลายเป็นว่าหลัง ๆ นี้ก็สนุกกับการ adapt เอาฟังก์ชันที่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นมาทำอย่างอื่น แล้วเราก็ไม่ได้ชอบงานออกแบบภายในแบบที่เค้าชอบกัน เราไม่ได้ชอบความเรียบแบบมินิมอล เพราะเราเป็นมนุษย์ Maximal พอสมควร”

 

“ความรู้สึกว่าไอ้นี่ มันเข้ากับไอ้นี่ไม่ได้ หรือสิ่งนี้มันเข้ากับของเล่นไม่ได้ โขนจะวางกับเจ้าจีนไม่ได้ หรือหุ่นละครเล็กจะวางกับสัตว์ประหลาดไม่ได้ ไม่มีเลย ผมรู้สึกว่าของทุกอย่างมันเป็นของสะสมที่เรารัก มันก็เหมือนกันหมด ดังนั้นจงอยู่ด้วยกัน ถ้ามันเข้ากันได้ก็โอเค บางอันดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่น่าอยู่ด้วยกันก็ย้าย กลายเป็นว่าเราจัดบ้านตลอดเวลาเลย ขยับจัดของเปลี่ยนใหม่ ซึ่งเราสนุก เหมือนเล่น puzzle ตลอดเวลา”

The Right Space

“เราเป็นคนชอบลองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร” ฮ่องเต้บอกกับเราอย่างนั้น

 

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว รสนิยม การเสพสื่อ ดูการ์ตูน การเลือกเครื่องประดับ ทุกอย่างเป็นการทดลอง และค้นหาว่าอะไรใช่กับตัวของเรามากที่สุด การทำบ้านก็เหมือนกัน หากถ้าตอนนี้จัดบ้านแบบนี้แล้วยังไม่เข้าที่เข้าทาง พรุ่งนี้ก็ลองหาทางจัดบ้านในมุมใหม่ๆ เอาพรมผืนใหม่มาปู หรือเอาพร็อบอันใหม่มาวาง และเลือกสิ่งที่เป็นตัวคุณมากที่สุด หรือสร้างความรู้สึกให้กับคุณได้มากที่สุด

 

“พื้นที่ในบ้านก็ส่งผลกับความรู้สึก เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้ว เราแต่งบ้านเพื่อความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นสีที่คุณเลือกหรือว่าของที่คุณเอามาวาง สไตล์ของบ้านที่คุณเลือกมันส่งผลกับคุณ ถ้ามันไม่ Impact กับความรู้สึกคุณไม่เลือกวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้หรอก เช่น ถ้าคุณไม่ได้ชอบสีเหลืองมาก ๆ คุณคงไม่ได้ทากำแพงข้างหนึ่งเป็นสีเหลือง หรือถ้าคุณชอบสีเหลืองมาก ๆ คุณอาจจะทากำแพงฝั่งหนึ่งเป็นสีดำ แล้วก็เอาของสีเหลืองมาวางเพื่อทำให้มันเด่นขึ้น เราว่ามันทำได้หลายมิติ ดังนั้นการแต่งบ้านก็เลยสนุก”

 

“เดี๋ยวนี้มันอาจจะยากในการไปวิ่งหาของแต่งบ้านเพราะแต่ละชิ้นก็จะอยู่ไกล ๆ กัน แต่ถ้ามีแอปพลิเคชันที่รวมของแต่งบ้านเอาไว้ก็จะดีมาก อย่าง NocNoc ซึ่งเขารวมมาให้เราสะดวกยิ่งขึ้น แยกเป็นหมวดหมู่เอาไว้ มันเป็นการอำนวยความสะดวกให้เราในการซื้อของ ในการเสียเงิน (หัวเราะ)”

 

เมื่อถามถึงเทคนิคเคล็ดลับในการแต่งบ้านของฮ่องเต้ให้กับชาว NocNoc เขาบอกว่า เราควรจัดวางสเปซโดยเริ่มจากมุมกว้างก่อน เลือกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ๆ ชิ้นสำคัญ ๆ ที่ต้องมีก่อน หลังจากนั้นจึงเติมของตกแต่งลงไป “ถ้าเป็นผม ผมจะซื้อชิ้นใหญ่เพื่อเซตสเปซก่อน อย่างในห้องผม ผมทำตู้ก่อนเลย แล้วก็ค่อยเอาของย่อยๆ เล็กลงมาไปวาง เอาโซฟามาวาง บางทีจังหวะเสาหรือช่องว่างของผนังมันก็ทำให้เกิดสเปซ พวกเฟอร์นิเจอร์ไซส์เล็กๆ ก็ซื้อตัวที่ชอบเตรียมไว้ก่อนเลย ยังไงก็ได้ใช้ โต๊ะ เก้าอี้เล็กหรือว่าโต๊ะกาแฟ ซื้อไปเลย”

 

“เราเชื่อว่าการได้เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ชอบ ของตกแต่งที่ชอบ มันเสริมสร้างสุขภาวะและความมั่นใจในตัวเองขึ้นมา ฉะนั้นการเอาของที่คุณชอบมารายล้อมตัวคุณ เราว่ามันเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ยากแล้วก็เป็นสิ่งที่ไม่ต้องกลัวที่จะทำด้วย เพราะว่ามันจะทำให้คุณรู้สึกมีความสุขได้ เพราะฉะนั้นการเลือกเฟอร์นิเจอร์สักชิ้นเข้าบ้าน คุณก็ต้องคิดมากกว่าคุณจะเอาสีอะไร เพราะมันส่งผลต่อจิตใจคุณนะ การได้นั่งบนอาร์มแชร์ซักตัวหนึ่งที่มันเป็นตัวคุณเอง มันเยี่ยมเลยนะ แล้วคุณจะทำกิจกรรมอ่านหนังสือ นั่งเฉย ๆ หรือหลับไปบนมัน มันโคตรจะมีความสุขกับตัวเองเลย”

“พื้นที่ในบ้านก็ส่งผลกับความรู้สึก เพราะฉะนั้นจริง ๆ แล้ว เราแต่งบ้านเพื่อความรู้สึก

Home Hug

ฮ่องเต้บอกกับเราว่า มุมที่ใช้ชีวิตมากที่สุด ไม่ใช่สตูดิโอหรือห้องโชว์รูมเลย เป็นเป็นห้องนอน ขนาดที่อยู่หนึ่งคนได้แบบกำลังดี ที่ที่เขานั่งทำงาน ดูซีรีส์ นอน ฯลฯ ห้องนี้เองที่โอบอุ้มเขาไว้ในทุกวัน

“มุมที่รู้สึกว่าเป็นตัวเองมากๆ ก็คือห้องนอน เพราะว่าเราใช้ชีวิตในนั้นเยอะมาก ตอนแรกเราเคยคิดว่าบ้านมันควรจะโปร่งสูง สุดท้ายแล้วมนุษย์ก็ต้องการสเปซที่ Cosy ก็คืออุ่น ๆ เหมือนให้ห้องมันกอดเรา เพราะสุดท้ายแล้ว เราต้องการอะไรที่มันอุ้มเรา กอดเรา แล้วก็ทำให้เรารู้สึกสบายใจ”

“บ้านหรือของเหล่านี้ที่รายล้อมตัวผม คือ ผมสร้างมัน ผมซื้อมันมา แล้วสุดท้ายทั้งหมดมันสร้างผมอีกที มันสร้างมนุษย์ในการทำงาน สร้างประสบการณ์ในการมายืนวาดรูปตรงนี้ที่รู้สึกเปลี่ยนไปเวลาที่มีมันอยู่ คุณอย่าคิดว่าการซื้อของเข้าบ้านมันทั่วไปนะ เพราะมันสร้างความรู้สึกต่าง ๆ แล้วก็สร้างแรงบันดาลใจให้คุณมีชีวิตต่อไปได้ที่มันเป็นตัวคุณ คนแต่งบ้านต้องไม่ลืมข้อนี้ แล้วยิ่งเป็นบ้านที่อยู่ด้วยกันกับคนอื่น มันก็ต้องมากกว่าแค่ฉันซื้อสิ่งนี้มาแล้วนะ แต่มันก็ต้องมีการพูดคุยกันว่าฉันจะซื้อของสิ่งนี้ แล้วมันเข้ากับ ‘เรา’ ไหม น่ารักนะ”

 

การได้คุยเรื่อง ‘บ้าน’ กับฮ่องเต้อาจจะช่วย Inspired ใครหลายคนที่ชอบ Shopping ชอบซื้อของ ชอบสะสมของเหมือนกัน มาจัดแต่งในบ้าน ตามมุมต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว เพราะการได้รอยล้อมด้วยของที่รัก นั้นจะสร้างความสุขให้มากขึ้นอย่างที่ฮ่องเต้ได้ทดลองมากับตัวเองแล้ว ติดตามวิดีโอแบบเต็ม ๆ เรื่องบ้านของเขาได้ที่นี่เลย

ใครยังไม่มีตู้โชว์ของสะสม หรืออยากจะปรับเปลี่ยนบ้านจากไอเดียแบบฮ่องเต้ ก็สามารถเข้าไปหาแรงบันดาลใจ และ ค้นหาสไตล์ที่ชอบแบบตัวเองได้ในแอปพลิเคชัน NocNoc ซึ่งมีทั้งไอเดียดี ๆ ภาพ Reference มุมต่าง ๆ ในบ้านมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคุณ พร้อมทั้งค้นหาสไตล์ของตัวเองด้วยฟังก์ชัน Your Style Quiz ที่จะช่วยให้คุณเจอสไตล์การแต่งบ้านที่ใช่ที่สุด และฟังก์ชัน Inspiration Feed ที่รวบรวมไอเดียของบ้านตามห้องต่าง ๆ เพื่อบ้านของคุณอีกด้วย

ฮ่องเต้-กนต์ธร เตโชฬาร (เจ้าของบ้าน)

ผู้เป็นทั้งศิลปินที่มีผลงานในนามArt of Hongtae เป็นพิธีกร เป็นนักออกแบบคาแรกเตอร์ ฯลฯ เป็นคนหนึ่งที่โลดแล่นอยู่ในวงการศิลปะหลากหลายแขนง ผู้บ้าสมบัติที่มีขอสะสมหลากหลายหมวดที่สุดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น หัวโขน เลโก้ หุ่นกระบอก กระโหลกสัตว์ ฯลฯ ผู้ที่ทำบ้านหลังนี้ให้เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์และแกลลอรีที่ไม่ว่าจะมองไปที่มุมไหน ก็เจอแต่สิ่งของที่เขารักเต็มไปหมด

บทความที่เกี่ยวข้อง