• House Keeping

  • Tips&Tricks

  • Knowledge

ค่าไฟขึ้นอีกแล้ว! ต้องอ่าน 12 วิธีการประหยัดไฟฟ้า ที่ง่ายและได้ผลจริง

  • โดย NocNoc Writer

  • 2

Key Takeaways: 

  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตสักนิด ดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเพิ่มขึ้นอีกหน่อย ไม่ได้ทำให้ชีวิตยุ่งยากเกินไป เป็นวิธีที่การประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ลดค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อยเลย 
  • การเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างใส่ใจตั้งแต่ก่อนซื้อมาใช้งานภายในบ้านเป็นตัวแปรสำคัญ ของประสิทธิภาพการทำงาน และคุณภาพในระยะยาว เมื่ออุปกรณ์ไม่ทำงานหนักเกินกำลัง ก็จะทำให้ประหยัดไฟ 

ในยุคเงินเฟ้อ แถมเศรษฐกิจแบบนี้ ข้าวของก็แพงเอา ๆ ไม่เว้นแม้แต่ค่าใช้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างค่าไฟ ยิ่งหน้าร้อนในไทย บิลก็ยิ่งพุ่งไม่หยุดจนแทบลมจับ วันนี้ NocNoc มีเคล็ด (ไม่)ลับ วิธีประหยัดไฟฟ้าในบ้าน เพื่อช่วยลดค่าไฟง่าย ๆ มาฝาก ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย

12 วิธีการประหยัดไฟฟ้าในบ้านที่ช่วยลดค่าไฟลงได้

1. เลือกดูแล และตั้งค่าแอร์ ให้ถูกต้องเหมาะสม

ภาพ: การปรับอุณหภูมิแอร์ให้สูงขึ้น

  1. เลือกขนาด BTU แอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง เพื่อให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
  •  9,000 BTU สำหรับห้องขนาด 12-15 ตร.ม.
  • 12,000 BTU สำหรับห้องขนาด 16-20 ตร.ม.
  • 18,000 BTU สำหรับห้องขนาด 24-30 ตร.ม.
  1. เลือกระบบของแอร์ตามการใช้งาน
  • ระบบ Inverter ราคาสูงกว่าแอร์ธรรมดา แต่ประหยัดไฟยิ่งกว่า และรักษาอุณหภูมิได้ต่อเนื่อง เหมาะกับห้องที่ใช้งานเป็นเวลานาน ๆ 
  • ระบบ Non-Inverter ราคาถูกกว่า แต่กินไฟมากกว่า เหมาะกับห้องที่ไม่ค่อยได้ใช้งานแอร์บ่อยนัก
  1. หมั่นดูแลล้างแอร์ ทำความสะอาดแผ่นกรองแอร์เป็นประจำ ทุก ๆ 6 เดือน เพื่อให้แอร์เย็นฉ่ำเร็วทั่วห้องโดยไม่เปลืองไฟ เพราะแอร์จะทำงานได้ไม่เต็มที่ หากแผ่นกรองเต็มไปด้วยฝุ่นและสิ่งสกปรก
  2. ตั้งค่าแอร์ ลองปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นเป็นซัก 27 องศา พร้อมเปิดพัดลมช่วยกระจายความเย็น หรือเปลี่ยนเป็นโหมดประหยัดพลังงานดู เท่านี้ห้องก็จะเย็นสบายพอดี ได้ลดค่าไฟอีกต่างหาก

2. ไม่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำความร้อนในห้องที่เปิดแอร์

ภาพ: การใช้ไดร์เป่าผม

อีกหนึ่งวิธีประหยัดไฟฟ้า คือ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดในขณะที่เปิดแอร์ เช่น เตารีด กระติกน้ำร้อน หรือไดร์เป่าผม เจ้าพวกนี้จะทำให้เราเสียค่าไฟเพิ่มขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัวเลย ความร้อนที่เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ปล่อยออกมา ทำให้ห้องมีอุณหภูมิสูงขึ้น จึงทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น และเปลืองไฟนั่นเอง 

3. เครื่องใช้ไฟฟ้าต้องมีฉลากประหยัดไฟ

เมื่อเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า อยากให้ลองสังเกต “ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5” ก่อนจะหยิบใส่ตะกร้ามาส่งที่บ้าน นี่เป็นวิธีการสำคัญที่ช่วยประหยัดไฟฟ้าในระยะยาว เพราะแสดงว่าเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นผ่านการทดสอบแล้วว่าประหยัดพลังงานตามมาตรฐานที่กฟผ.และกระทรวงพลังงานกำหนดนั่นเอง

  • ตัวเลขยิ่งมาก ยิ่งช่วยประหยัดไฟ โดยมีตั้งแต่เบอร์ 1 ถึงเบอร์ 5 
  • เปรียบเทียบความประหยัดของแต่ละยี่ห้อได้ ด้วยข้อมูลแสดงการใช้พลังงานไฟฟ้าและค่าไฟฟ้าต่อปีที่ระบุอยู่บนฉลาก ให้สามารถประมาณการและคำนวณค่าใช้จ่ายรายปีล่วงหน้าได้นั่นเอง

4. เปลี่ยนมาใช้หลอดไฟที่ประหยัดพลังงาน

หลอดไฟเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์สำคัญที่ควรเลือกให้ดี เพราะติดตั้งทั่วทั้งบ้าน การเลือกใช้หลอดไฟที่ประหยัดพลังงาน จะช่วยลดค่าไฟได้มาก และหากพูดถึงหลอดไฟที่ราคาไม่แพง ประหยัดและคุ้มค่าที่สุดละก็ คงหนีไม่พ้นหลอดไฟแอลอีดี (LED) เพราะช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 75 % และอายุการใช้งานนานกว่าถึง 25 เท่า เมื่อเทียบกับหลอดไฟแบบหลอดไส้ (Incandescent Lighting) นอกจากช่วยให้ประหยัดค่าไฟแล้ว ยังไร้แสง UV และปล่อยความร้อนน้อยกว่าหลอดไฟแบบอื่นอีกด้วย

5. อย่าเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้หากไม่ได้ใช้งาน

ภาพ: การใช้รีโมทเพื่อเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า

ถ้าไม่อยากให้เงินออกจากกระเป๋าไปได้ง่าย ๆ วิธีสุดเบสิคที่จะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า คือการปิดไฟ ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเสียงเมื่อไม่ได้ใช้งานนั่นเอง ลองเปลี่ยนพฤติกรรมสักนิด นอกจากคุณจะได้ประหยัดค่าไฟแล้ว ยังช่วยลดโลกร้อนและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย

6. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้ออก

ภาพ: การถอดปลั๊กไฟออกเมื่อไม่ใช่งานเครื่องใช้ไฟฟ้า

นอกจากการปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งานแล้ว วิธีที่ประหยัดไฟได้ยิ่งกว่า คือการถอดปลั๊กไฟออก เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าในปัจจุบันมักจะสามารถสั่งการได้ด้วยอุปกรณ์ควบคุมจากระยะไกล เช่น รีโมท ดังนั้น หากเสียบปลั๊กไว้ตลอดทั้งวัน อุปกรณ์จะยังสแตนด์บายอยู่เพื่อรอรับคำสั่ง และกินไฟไปเรื่อย ๆ ดังนั้น การถอดปลั๊กไฟจึงประหยัดไฟมากกว่า และยังป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรด้วย

7. วางเครื่องใช้ไฟฟ้าในตำแหน่งที่เหมาะสม

ตำแหน่งการวางเครื่องใช้ไฟฟ้าในส่วนต่าง ๆ ของบ้านเป็นสิ่งที่ใครหลายคนนึกไม่ถึงและส่งผลต่อ “ค่าไฟ” เป็นอย่างมาก เพราะแต่ละชนิดมีการทำงานที่ต่างกัน มาดูกันดีกว่าว่าวางตรงไหนถึงจะเหมาะ

  1. ห้องนอน การเลือกตำแหน่งการติดแอร์ ให้เหมาะสมจะช่วยให้ห้องเย็นฉ่ำทั่วถึงมากขึ้น โดยที่แอร์ไม่ต้องทำงานหนัก เป็นอีกวิธีหนึ่งช่วยในการประหยัดไฟฟ้า โดยหลีกเลี่ยงตำแหน่งที่โดนแสงแดดโดยตรง และ ไม่ติดแอร์อยู่เหนือบานประตูเปิดเข้า-ออก
  2. ห้องครัว พื้นที่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำให้บ้านร้อนและใช้พลังงานสูง ตำแหน่งการวางจึงส่งผลต่อทั้งการทำงานของอุปกรณ์ และความสะดวกในการใช้งาน
  • ตู้เย็น ไม่ควรวางชิดกำแพง หรือใกล้แหล่งความร้อน และควรวางในตำแหน่งที่ยังมีพื้นที่เหลือไว้สำหรับเปิดประตูตู้เย็นให้ใช้งานได้สะดวก
  • ไมโครเวฟ วางในตำแหน่งที่อากาศถ่ายเท ระบายความร้อนได้ดี หยิบใช้งานได้ง่าย และ  ไม่ควรวางใกล้ซิงค์ล้างจาน เพราะน้ำอาจจะกระเด็นโดน ทำให้เกิดความเสียหายได้

8. ทำความสะอาดและจัดระเบียบตู้เย็น

ภาพ: การทำความสะอาดและจัดระเบียบตู้เย็น

สายตุนอาหารทั้งหลายรู้หรือไม่? ว่าการใส่ของในตู้เย็นมากเกินไป ทำให้กินไฟเป็นอย่างมาก เพราะตู้เย็นต้องใช้ไฟเพื่อกระจายความเย็นให้ทั่วถึงตลอดเวลา ดังนั้น อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยประหยัดไฟฟ้า คือไม่แช่ของเยอะจนเกินไป จัดให้เป็นระเบียบและหมั่นทำความสะอาด จะทำให้หยิบจับหาของได้ง่าย ไม่เสียเวลาเปิดตู้เย็นนานเพื่อหาของ ช่วยรักษาอุณหภูมิของอาหารได้ดีโดยที่ตู้เย็นไม่ทำงานหนักนั่นเอง

9. เปลี่ยนพฤติกรรมการซักผ้าให้เหมาะสม

ภาพ: การซักผ้าที่พอดีกับความจุถัง

ลองปรับพฤติกรรมสักนิด ซักผ้าหนึ่งครั้งให้คุ้มค่า ด้วยปริมาณผ้าที่พอดีกับความจุของถัง ไม่อัดแน่นจนล้น แต่ก็ไม่น้อยไปจนต้องซักบ่อย ๆ ให้เปลืองน้ำเปลืองไฟ อย่าลืมหมั่นทำความสะอาดถุงกรองฝุ่นในเครื่องซักผ้า เพื่อให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เป็นวิธีการช่วยประหยัดไฟฟ้า และยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์นั่นเอง

10. รีดผ้าทั้งที ต้องรีดทีเดียวเยอะ ๆ

ภาพ: รีดผ้าจำนวนมากในหนึ่งครั้ง

แม่บ้านมือใหม่ต้องรู้ ! เตารีดถึงจะใช้แปป ๆ แต่กินไฟมหาศาล เพราะใช้พลังงานความร้อนมากเพื่อให้ผ้าเรียบ ดังนั้น จะรีดผ้าทั้งที ควรรีดทีเดียวเยอะ ๆ ให้เสร็จ และเลือกรีดจากผ้าที่รีดยากก่อนด้วยระดับความร้อนที่เหมาะสม เมื่อใกล้หมดกอง จึงค่อยถอดปลั๊ก และใช้ความร้อนที่ยังหลงเหลืออยู่เพื่อรีดผ้าที่เรียบง่าย เท่านี้ก็จะเป็นวิธีช่วยประหยัดค่าไฟ แล้วยังยืดอายุการใช้งานของเตารีดได้อีกด้วย

11. ปลูกต้นไม้บริเวณรอบบ้าน

ภาพ: ปลูกต้นไม้รอบ ๆ ให้บ้านเย็น

เพิ่มความเย็นให้กับบ้านของคุณด้วยเครื่องปรับอากาศจากธรรมชาติ คือการปลูกต้นไม้รอบ ๆ เพื่อดูดซับความร้อน เพราะต้นไม้นั้นมีการคายน้ำออกมาทางใบ ทำให้อากาศโดยรอบจะเย็นสบาย ช่วยกรองอากาศให้บริสุทธิ์ขึ้น แถมยังสร้างร่มเงาและบังแดดให้ตัวบ้าน เมื่อบ้านเย็นขึ้น ก็จะช่วยลดการใช้พัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ เป็นอีกวิธีที่ช่วยประหยัดไฟฟ้านั่นเอง

12. ติดตั้งอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันความร้อนเข้ามาในบ้าน

ภาพ: การติดตั้งฉนวนกันความร้อน

แดดเปรี้ยงที่มาพร้อมไอร้อน ไม่รู้ว่าตกลงนี่ประเทศไทยหรือไมโครเวฟ ลองมาเปลี่ยนบ้านร้อนให้เย็นขึ้นด้วยการติดฉนวนกันความร้อน หรือแผ่นสะท้อนความร้อน ไว้ใต้หลังคา หรือเหนือฝ้าเพดาน วิธีนี้จะช่วยสกัดกั้นความร้อนที่มาจากโถงหลังคา ไม่ให้แผ่มาสู่ตัวบ้าน เมื่อบ้านเย็นขึ้น เราก็จะเปิดแอร์หรือพัดลมน้อยลง เป็นการช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า ค่าไฟถูกลงนั่นเอง

และนี่ก็คือ 12 วิธีการประหยัดไฟฟ้าที่คุณเองก็สามารถทำตามที่บ้านได้ง่าย ๆ เซฟเงินในกระเป๋าได้จริง เห็นบิลแล้วลมไม่จับ อย่าลืมลองเอาไปปรับใช้กันดูล่ะ และถ้าใครกำลังมองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณภาพดี ไม่ว่าจะสำหรับใช้ในห้องครัวหรือในห้องน้ำ ช่วยคุณประหยัดมากกว่าที่เคย แวะเข้ามาดูกันได้เลยที่ NocNoc เพราะเรารวมมาให้แล้วหลากหลายยี่ห้อ ครบ จบ ที่เดียวเรื่องบ้าน พร้อมการรับประกันสินค้า อุ่นใจได้เลย

และถ้าอยากหาไอเดียแต่งบ้านโดนใจ มาดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน NocNoc ได้เลย เพราะเรารวมไอเดียปัง ๆ ไว้ให้แล้วใน Inspiration Feed พร้อม Your Style Quiz ตามหาบ้านสไตล์ที่ตรงใจคุณ แต่งบ้านในฝันและช้อปเพลิน ๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา

NocNoc Writer

กองบรรณาธิการ NocNoc ที่อยากถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับบ้าน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนสามารถสร้างบ้านในฝันให้เป็นจริง

บทความที่เกี่ยวข้อง