• Tips&Tricks

  • Idea&Inspiration

วันที่หยุดเดินทางและกลับมาให้ความสำคัญกับบ้านอีกครั้ง ของ แชมป์-ทีปกร

  • โดย แชมป์-ทีปกร (เจ้าของบ้าน)

  • 9

Key Takeaways

  • การปรับเปลี่ยนบ้านทาวน์โฮมอายุกว่า 20 ปีของ แชมป์-ทีปกร ให้กลายเป็นบ้านที่เป็นสไตล์ของตัวเองมากที่สุด
  • แชมป์-ทีปกรกับเทคนิคการค่อย ๆ รีโนเวทบ้านทีละเล็กทีละน้อย เริ่มจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็ก ๆ ไปจนถึงของชิ้นใหญ่ และขยับไปสู่การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของบ้าน

“เราวัดความพึงพอใจของบ้าน จากการที่เราทำงาน ตอนเย็นกลับมาที่บ้านแล้วรู้สึกว่ามันผ่อนคลาย แล้วก็เป็นตัวเราจริง ๆ”

ถ้าคุณรู้จัก แชมป์–ทีปกร วุฒิพิทยามงคล ในพาร์ทของพิธีกร นักแปล นักเขียน นักวาด แปลว่าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเขามาอย่างยาวนาน แต่ถ้ายังไม่รู้จักเขาเลย เขาเป็นนักแปลหนังสือหลายเล่ม เขาเป็นนักวาดรูปเล่นจนทำเพจเป็นจริงเป็นจัง และล่าสุดกับบทบาทของนักการตลาดที่ทำให้เขาต้องเก็บของย้าย ‘บ้าน’ ไปอยู่ต่างประเทศหลายปี ที่ตรงนี้เองที่ทำให้เขาเข้าใจตัวเองว่าเป็นชอบบ้านสไตล์ไหน

จะเห็นว่าเขาเป็นนักเดินทางตัวยง เดินทางไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานในหลาย ๆ ด้าน เดินทางมากเสียจนเข้าใจแล้วว่า ‘บ้าน’ มีความหมายอย่างไร ดังนั้นช่วงสถานการณ์โควิดและนโยบาย Work form Home ของบริษัททำให้แชมป์ตัดสินใจย้ายบ้านกลับมาอยู่เมืองไทยอีกครั้ง และเปลี่ยนบ้านทาวน์โฮมที่เคยอยู่มากว่า 20 ปี ให้เปลี่ยนหน้าตาไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะเขารู้แล้วว่า ต้องการ ‘บ้าน’ แบบไหน เพื่ออะไร

“อย่างช่วงภาวะโควิด มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าบ้านมันก็เป็นพื้นที่ที่สำคัญในชีวิต ทุกห้องที่เราอยู่มันต้องอยู่แล้วรู้สึกสบาย”

Definition of Home

ชีวิตของคนทำงานที่มีพลังล้นเหลืออย่างแชมป์ ทำให้เค้าได้ทดลองสวมหมวกหลายต่อหลายใบในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นงานพิธีกรสารคดีรายการหนึ่ง ทำสำนักข่าวออนไลน์อยู่พักหนึ่ง เขียนหนังสืออยู่ช่วงหนึ่ง และอีกสารพัด จึงไม่ค่อยคิดถึงความหมายของคำว่า ‘บ้าน’ มากเท่าไหร่

 

“คือเมื่อก่อนเราจะไม่ค่อยคิดถึงคำว่า ‘บ้าน’ เท่าไหร่ แต่ก่อนเราจะชอบออกไปแฮงก์เอาท์กับเพื่อน ดังนั้นบ้านก็คือที่ซุกหัวนอนในช่วงวัยประมาณ 20-30 ห้องที่ใช้เวลามากที่สุดก็คือห้องนอนเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ เรารู้สึกว่า ฟังก์ชันหลัก ๆ ของบ้านนี้ คือการเป็นที่แฮงเอาท์ของเพื่อน เราก็เลยอยากจะแต่งบ้านให้เพื่อนมาแล้วรู้สึกสบายใจ มีที่กินข้าว มีที่เล่นเกม มีที่ดื่มสังสรรค์ แล้วหลัง ๆ คือเราใช้เวลาอยู่กับบ้านเยอะ อย่างช่วงภาวะโควิด มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าบ้านมันก็เป็นพื้นที่ที่สำคัญในชีวิต ทุกห้องที่เราอยู่มันต้องอยู่แล้วรู้สึกสบาย อยู่แล้วรู้สึกว่าเราชอบสเปซตรงนี้นะ ความหมายของบ้านมันก็จะเปลี่ยนไปตามช่วงวัย” 

Then and Now

ความคิดเรื่อง ‘บ้าน’ เปลี่ยนผันตามเวลาที่ผ่านไป ยิ่งเมื่อได้มีโอกาสไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ได้ลงมือเลือก ‘บ้าน’ ของตัวเอง ตกแต่งเอง เลือกเฟอร์นิเจอร์เอง ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้เขากลับมามองบ้านในมุมใหม่ และค้นหาสไตล์ที่เป็นตัวเองได้ชัดยิ่งขึ้น

 

“ก่อนหน้านี้ ผมมีไปทำงานที่ต่างประเทศประมาณสองถึงสามปี ช่วงที่เราไปทำงานต่างประเทศก็เป็นวัยประมาณ 34-35 ปี เราก็เริ่มพัฒนารสนิยมตัวเอง แล้วก็รู้ว่าชอบอะไร หรือไม่ชอบอะไร การได้ไปอยู่ต่างประเทศมันก็เป็นโอกาสอันดีมากเลย ที่เราได้แต่งห้องเราเองทั้งห้อง ก็ทำให้เรารู้ว่าเราชอบ element แบบไหน เหมือนได้สะท้อนตัวเองมากขึ้น พอกลับมาเมืองไทยเราก็เลยมองบ้านด้วยมุมใหม่เหมือนกัน กลับมามองบ้านว่าตรงไหนที่เราไม่ชอบ เราเปลี่ยนได้ไหม หรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนที่เราไม่ชอบจริง ๆ เรายกออกไปเลยได้ไหม ก็พยายามทำให้ถูกใจตัวเองมากขึ้น”

 

“บ้านหลังนี้เป็นบ้านธรรมดามากเลย คือเป็นทาวน์โฮมอยู่ในหมู่บ้านแถวแถวรัชดา อายุประมาณ 20 ปีได้แล้ว ความที่มันเป็นบ้านตัวอย่างมาก่อน บ้านหลังนี้เลยจะมาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ Build-in บางอย่างที่เรารู้สึกว่าไม่ได้เข้ากับหลายสไตล์ของเรามาก แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้มันก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน คือเราก็ซื้อเฟอร์นิเจอร์ทำพื้นใหม่แล้วก็ทาสีบ้านบางจุด แล้วก็ติดผนังบางจุดที่เรารู้สึกว่าอยากให้มันเป็นตัวเรามากขึ้น ไม่ได้มีการรีโนเวทใหญ่อะไรแต่ว่าก็ทำไปเรื่อย ๆ จนเรารู้สึกว่าทุกวันนี้มันก็เป็นบ้านที่เราอยู่แล้วรู้สึกสบาย แล้วก็เป็นตัวเองดีครับ”

หลายคนที่อยู่บ้านหลังเดิมมาเป็นสิบปี หรือเป็นบ้านที่เป็นของคุณพ่อคุณแม่ อาจจะมีสไตล์บางอย่างที่ไม่ถูกใจ แต่ครั้นจะทุบทิ้ง รีโนเวทใหม่ก็เป็นเรื่องใหญ่ การค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนทีละเล็กทีละน้อย ก็เป็นไอเดียในการเริ่มต้นทำบ้านที่น่าสนใจ

 

“อย่างแรกคือเราเปลี่ยนเรื่องเฟอร์นิเจอร์ก่อน คือผมว่าคนที่เริ่มรีโนเวทบ้านก็น่าจะเริ่มจากของที่พอเปลี่ยนได้ก่อน คืออาจจะไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ด้วยซ้ำ เป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็ก ๆ อย่างพวกแจกัน โต๊ะเล็ก แล้วพอของชิ้นเล็ก ๆ เสร็จมันก็จะเริ่มเปลี่ยนของชิ้นใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จากแค่แจกันหรือเทียนหอมก็เริ่มเป็นโคมไฟ จากโคมไฟก็เริ่มเป็นโต๊ะ ตู้ พอหมดจากของชิ้นใหญ่ ๆ ก็เริ่มเป็นโครงสร้างของบ้าน ผมคิดว่าคนที่มีบ้านอยู่แล้วหรือบ้านที่อยู่มาเนิ่นนาน การเปลี่ยนของชิ้นเล็ก ๆ ก่อน น่าจะทำได้จริงมากที่สุด”

 

“สำหรับ NocNoc เรามีโอกาสได้ใช้เมื่อตอนกลับมาจากต่างประเทศ ก็คือเปลี่ยนพื้นบ้าน คือเดิมที ที่บ้านเป็นพื้นแกรนิตซึ่งเดินแล้วเย็นเท้า และด้วยความที่มันเป็นหินก็รู้สึกว่าแข็งมาก ไม่เข้ากับส่วนที่เหลือของบ้านที่เป็นไม้หรืออื่นๆ เราก็เข้าไปค้นหาช่าง เลือกคนที่มีเรตติง 5 ดาวเลย ก็ประทับใจมาก แล้วใน NocNoc ก็ยังมีเรื่องของเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเข้าไปแอบส่อง แอบช้อปได้ หลายร้านที่เรารู้สึกว่าเท่มากก็ไปอยู่ในแอปฯ เหมือนกันนะ มีของหลายชิ้นที่เราได้รับแรงบันดาลใจจากการเข้าไปค้นหาใน NocNoc”

Living Space

“ผมคิดว่าจะมี 3-4 มุมที่ใช้หลัก ๆ ในบ้านหลังนี้ มุมแรกคือ ห้องนั่งเล่น สิ่งที่ให้ความสำคัญมาก็คือโซฟา และถ้าเห็นวิธีการจัดเก้าอี้ก็จะเห็นว่าถ้าเพื่อน ๆ เข้ามาแฮงเอาท์ สังสรรค์กันก็จะได้เห็นหน้ากันแล้วก็ได้คุยกันจริง ๆ ข้างหลังมีชั้นหนังสือ มีโคมไฟต่าง ๆ คือตอนกลางคืนเราพยายามจะไม่เปิดไฟที่มาจากด้านบน เราจะเปิดโคมไฟเล็ก ๆ ที่วางไว้ทั่วบ้าน”

 

“ตรงที่เป็นห้องทานข้าวกับห้องครัวจะอยู่รวมกัน ตรงนั้นก็พยายามที่จะทำให้มันสะอาด และห้องทานอาหารก็จะรวมกับอีกฟังก์ชันหนึ่งก็คือห้องทำงาน เนื่องด้วยความจำกัดของสเปซก็เลยทำให้เราไม่ได้แยกทำงานออกเป็นห้องแยก มุมทำงานก็พยายามเลือกของที่ทำให้รู้สึกว่านั่งนาน ๆ ก็ยังรู้สึกสบาย ทั้งเก้าอี้ โต๊ะ จอคอมฯ ต่าง ๆ ก็พยายามจัดให้มันถูก Ergonomic มุมอื่น ๆ ก็จะมีห้องนอนที่รู้สึกว่าก็พยายามทำให้มันคลีนที่สุด และสุดท้ายคือห้องจิปาถะที่รวมหลาย ๆ อย่างเข้าด้วยกัน เป็นทั้งยิม รวมงานอดิเรกของเราก็คือบอร์ดเกมที่สะสมไว้”

“บ้านก็เหมือนกับเรานี่แหละที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ”

How to Set the Mood

หลังจากความคิดเกี่ยวกับบ้านเปลี่ยนไป การเติมสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในบ้านอย่าง เทียนหอม โคมไฟเล็กๆ หรือแจกันดอกไม้ กลายเป็นส่วนผสมที่สร้างความสบายตา สบายใจให้มากยิ่งขึ้น

 

“เราตกผลึกกับตัวเองระดับหนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่าของที่จะทำให้บ้านเปลี่ยนโหมดได้ง่าย ๆ อย่างแรกก็คือเรื่องของกลิ่น กลิ่นน่ะจะเป็นอย่างแรกที่พอคนเดินเข้ามาในบ้านก็จะสัมผัสก่อนที่จะได้เห็นอะไรด้วยซ้ำ บางกลิ่นมันเปลี่ยนมู้ดไปเลย เรื่องที่สองคือ เรื่องของไฟ เราก็เปลี่ยนไฟทุกดวงในบ้านหลังนี้ให้เป็นสีเหลือง และก็มักจะเปิดโคมไฟดวงเล็กๆ แทนเปิดไฟจากเพดาน เรื่องที่สามก็คือต้นไม้ ถ้าไม่มีต้นไม้ ไม่มีดอกไม้เลยก็จะรู้สึกว่าบ้านมันคงมีความแข็งมาก มันเติมความสดชื่น และฟอร์มข้องต้นไม้ที่มีความออแกนิก

Home is the Safe Space

นิยามเกี่ยวกับบ้านของคุณเป็นอย่างไร สำหรับของแชมป์แล้ว บ้านคือพื้นที่ที่เป็นเหมือน Safe Space ที่สุด เลิกงานกลับบ้านแล้วรู้สึกหายเหนื่อยอย่างแท้จริง “เราวัดความพึงพอใจของบ้าน จากการที่เราทำงาน ตอนเย็นกลับมาที่บ้านแล้วรู้สึกว่ามันผ่อนคลาย แล้วก็เป็นตัวเราจริง ๆ คือมีพื้นที่ให้เรานอนเกลือกกลิ้ง ไม่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งตลอดเวลา อย่างที่สองคือมันเป็นพื้นที่ที่ทำให้เราได้อยู่กับเพื่อน เป็นพื้นที่ที่อยากให้เพื่อนมาแฮงเอาท์ด้วยกัน” 

 

“ไม่แน่ใจว่า ร่างของบ้านหลังนี้จะเป็นขั้นที่ Evolve สุด ๆ แล้วหรือยัง เพราะคิดว่าในช่วงวัยประมาณ 30 ปลาย ๆ แบบนี้ก็ชอบประมาณนี้แล้วแหละ แต่ถ้าเราโตขึ้นไปอีก มันก็อาจจะมีบางอย่างที่เรารู้สึกว่าดูไม่เข้าท่าแล้ว หรือของบางอย่างที่เราเคยชอบในช่วงชีวิตหนึ่ง พอเวลาผ่านไปเราก็อาจจะไม่ได้ลงทุนกับมันมากขนาดนั้นแล้ว ดังนั้นก็คิดว่ามันก็คงเปลี่ยนไปได้อีก บ้านก็เหมือนกับเรานี่แหละที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ”

 

ไม่ว่าบ้านหลังปัจจุบันของคุณ จะมีส่วนใดส่วนหนึ่งที่ยังไม่ชอบใจหรือยังไม่สบายตา การค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนทีละเล็กทีละน้อย เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ เปลี่ยนพื้น ทาสีใหม่อย่างวิธีของแชมป์-ทีปกร อาจจะช่วยให้คุณหาสไตล์ของตัวเองจนเจอ และทำให้บ้านที่คุณอยู่กลายเป็นพื้นที่ที่สบายที่สุดได้เช่นกัน 

 

และเรื่องราวการรีโนเวทบ้านที่ แชมป์-ทีปกร สบายใจที่สุดยังไม่จบเพียงเท่านี้ เข้าไปดูส่วนอื่น ๆ ของบ้านหลังนี้ของเขาได้เพิ่มเติม ที่นี่เลย 

 

ใครอยากได้ไอเดียการทำบ้าน หรือค้นหาสไตล์ของตัวเอง ก็เข้าไปโหลดแอปพลิเคชัน NocNoc มาไว้ในมือถือได้เลย ไปลองเสิร์ชหาไอเดียสำหรับการรีโนเวทบ้านในมุมต่าง ๆ หรือจะเข้าไปดูสไตล์ที่ถูกใจ ด้วยฟังก์ชัน Your Style Quiz ที่ช่วยให้คุณค้นหาสไตล์การแต่งบ้านที่ใช่ รวมทั้งฟังก์ชัน Inspiration Feed ที่รวบรวมไอเดียต่าง ๆ เพื่อบ้านของคุณอีกด้วย

แชมป์-ทีปกร (เจ้าของบ้าน)

นักเขียน นักวาด และนักการตลาด ผู้กระโดดไปทำงานอีกหลาย ๆ อย่าง เช่น แปลหนังสือ เป็นพิธีกร และนักเล่นบอร์ดเกม จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้แชมป์เข้าใจสไตล์และความชอบในการแต่งบ้านของตัวเอง คือการได้ไปทำงานต่างประเทศหลายปี และกลับมาค่อย ๆ รีโนเวทบ้านทาวน์โฮมอายุกว่า 20 ปีให้กลายเป็นบ้านที่เป็นตัวเองมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง