• Knowledge

ป้องกันฝุ่น PM2.5 เลือกเครื่องฟอกอากาศแบบไหนดี

  • โดย NocNoc Writer

  • 67

มลภาวะทางอากาศอย่างฝุ่น PM2.5 กลับมากวนใจอีกครั้ง เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) หรือเครื่องกรองอากาศจึงเป็นตัวเลือกในการต่อสู้กับทั้งฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ รวมไปถึงเชื้อไวรัส และแบคทีเรียในอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้

การเลือกเครื่องฟอกอากาศ PM2.5 เพื่อป้องกันฝุ่นขนาดเล็กที่เหมาะสมกับการใช้งานจึงเป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึง เพื่อให้ได้เครื่องฟอกอากาศที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ก่อนจะซื้อเครื่องฟอกอากาศจะรู้ได้อย่างไรว่าเลือกซื้อแบบไหนถึงจะดี? หรือควรคำนึงถึงปัจจัยไหนบ้าง! บทความนี้มีคำตอบให้ทุกคนพร้อม 5 ลิสต์เครื่องฟอกอากาศคุณภาพดีสู้ฝุ่น PM2.5

เครื่องฟอกอากาศคืออะไร ?

เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่กำจัดสิ่งสกปรก สิ่งแปลกปลอม เช่น เชื้อไวรัส แบคทีเรีย สารก่อภูมิแพ้ รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยดูดอากาศเข้าไปในตัวเครื่องดักจับสิ่งสกปรกและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาแทนที่

3 ข้อดีของการใช้เครื่องฟอกอากาศ

1. อากาศบริสุทธิ์มากขึ้น

ข้อดีที่โดดเด่นที่สุดของเครื่องฟอกอากาศ คือ ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้น ช่วยกำจัดฝุ่นละออง สิ่งแปลกปลอมทั้งที่มองเห็น และมองไม่เห็นในอากาศ

2. ลดสารก่อภูมิแพ้

สารก่อภูมิแพ้ในอากาศจากฝุ่นละออง และไรฝุ่นเป็นตัวกระตุ้นอาการภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี การใช้เครื่องฟอกอากาศจึงช่วยดักจับฝุ่นละอองช่วยป้องกันอาการภูมิแพ้นั่นเอง

3. ปอดทำงานได้ดีขึ้น

หลังจากเครื่องฟอกอากาศกำจัดสิ่งแปลกปลอม และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาแทน ทำให้ปอดได้รับอากาศบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้นส่งผลให้ทำงานได้ดี เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ซื้อเครื่องฟอกอากาศป้องกัน PM2.5 แบบไหนดี? มาดู 5 วิธีการเลือกเครื่องฟอกอากาศให้ตรงกับการใช้งาน และป้องกัน PM2.5!

วิธีเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ป้องกัน PM2.5

1. พื้นที่ใช้งาน

ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีขนาดเหมาะกับพื้นที่ภายในห้อง เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศถูกออกแบบมาให้ทำงานตามขนาดพื้นที่เช่นเดียวกับเครื่องปรับอากาศ จึงควรเลือกแบบที่ฟอกอากาศได้ทั่วทั้งห้องไม่เล็ก หรือใหญ่จนเกินไป เพื่อไม่ให้กินไฟมากจนเกินพอดี

2. ความเร็วในการฟอก

ค่า CADR หรือค่า Clean Air Delivery Rate หรือค่าปริมาณอากาศที่เครื่องสามารถเปลี่ยนถ่ายได้ใน 1 นาที ควรเลือกแบบที่มีตัวเลขสูงเพราะมีประสิทธิภาพการฟอกอากาศที่ดี และควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีค่า Air Flow หรือค่าความเร็วลมสูงเช่นกันเพราะความใช้เวลากรองอากาศน้อยลงนั่นเอง

3. แผ่นกรองฝุ่น

สำหรับการรับมือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ควรเลือกแผ่นกรองฝุ่นที่มีความละเอียดสูง โดยแผ่นกรองฝุ่นที่ได้รับความนิยมในยุคนี้คือ HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) เพราะสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน

4. การออกแบบ

น้ำหนักและเสียง นอกจากการใช้งานที่มีประสิทธิภาพแล้วก็ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับการตกแต่งภายในบ้าน และมีน้ำหนักไม่มากเพื่อให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก รวมถึงควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ไม่มีเสียงรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันที่ประมาณ 30-31 เดซิเบล

5. อะไหล่ และการซ่อมบำรุง

เนื่องจากอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงแผ่นกรองฝุ่นนั้นต้องเปลี่ยนตามอายุการใช้งาน จึงควรคำนึงถึงการรับประกันและการซื้ออะไหล่ด้วยราคาที่เหมาะสม เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง

รู้ถึงข้อดีและวิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศกันแล้ว ก็ไปดูกันต่อเลยว่าเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี? รุ่นไหนเด่น! เหมาะกับการป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้ดี 

NocNoc.com จึงรวม 5 ลิสต์เครื่องฟอกอากาศ PM2.5 มาแนะนำกัน

1. เครื่องฟอกอากาศ Mi Air Purifier 3H

เริ่มต้นที่เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ XIAOMI รุ่น Mi Air Purifier 3H สีขาว ขนาด 24 x 24 x 52 ซม. เหมาะสำหรับห้องขนาด 48 ตร.ม. มาพร้อมกับดีไซน์คลาสสิคตามแบบฉบับของ XIAOMI และจอสัมผัส OLED แสดงข้อมูลคุณภาพอากาศและตรวจสอบค่า AQI ได้แบบเรียลไทม์ โดยพัฒนาจากเครื่องฟอกอากาศรุ่นเดิมโดยเพิ่มตัวกรอง Hepa Class 13 ซึ่งเป็นตัวช่วยกำจัดอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 99.97% 

นอกจากระบบฟอกอากาศที่ดีขึ้นแล้วครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ยังควบคุมผ่าน Mi Home Application รวมถึงรองรับการทำงานร่วมกับ Google Assistant และ Amazon Alexa จึงถือเป็นเครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะที่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างมาก

2. เครื่องฟอกอากาศ SHARP รุ่น FP-J30TA-B Plasma

แบรนด์เครื่องฟอกอากาศยักษ์ใหญ่อย่าง SHARP เองก็มีเครื่องฟอกอากาศเพื่อสร้างอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้านเช่นกัน สำหรับเครื่องฟอกอากาศ SHARP รุ่น FP-J30TA-B Plasma เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่ 23 ตร.ม. โดยมีขนาด 41 x 21 x 43 ซม. พร้อมกับดีไซน์โค้งมนจึงปลอดภัยต่อเด็กเล็ก

มีจุดเด่นที่เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ซึ่งทำงานด้วยการพ่นอนุภาคบวกและลบเพื่อฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา แบคทีเรียและสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ รวมถึงยังกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กตั้งแต่ PM2.5 จนถึง 0.3 เลยทีเดียว นอกจากเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์แล้วเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ก็ยังประกอบด้วยแผ่นกรองฝุ่น Hepa ซึ่งใช้งานได้ยาวนานถึง 2 ปี 

3. เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ SHARP รุ่น IG-GC2B-N

เพราะฝุ่นละออง PM2.5 นั้นติดตามเราไปได้ทุกที่ นอกจากเครื่องฟอกอากาศภายในบ้านแล้ว SHARP ยังได้ผลิตเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ SHARP รุ่น IG-GC2B-N ซึ่งมีขนาด 10 x 10 x 22 ซม. และมีน้ำหนักเพียง 500 กรัม โดยมีดีไซน์ใหม่ทรงแก้วน้ำทำให้พกพาได้สะดวก เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 3.6 ตร.ม. ใช้งานได้สะดวกเพียงต่อสาย USB กับ Adapter ในรถยนต์จึงเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศภายในรถยนต์

ถึงแม้จะมีขนาดเล็กแต่เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์รุ่นนี้ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพไม่ต่างจากเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ โดยมีเทคโนโลยีพ่นอนุภาคไฟฟ้าพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้น อีกทั้งยังมีโปรแกรมปิดการทำงานอัตโนมัติหากเปิดใช้งานเกิน 8 ชม. 

4. เครื่องฟอกอากาศ AIR PUR SHARP รุ่น FP-J60TA-W

สำหรับห้องที่มีพื้นที่ 48 ตร.ม. เครื่องฟอกอากาศ AIR PUR SHARP รุ่น FP-J60TA-W เป็นเครื่องฟอกอากาศ PM2.5 อีกรุ่นจาก SHARP ที่เหมาะกับที่อยู่อาศัยสำหรับครอบครัวมีขนาด 29 x 42 x 73 ซม. มีดีไซน์โค้งมนและระบบป้องกันอันตรายสำหรับเด็ก (Child Lock)

นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นมิตรแล้ว เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ยังทำงานโดยปล่อยประจุบวกและลบสูงสุดถึง 25,000 ไอออน และระบบ Ion Shower ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ในปริมาณสูงเป็นพิเศษต่อเนื่อง 60 นาที พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่น กลิ่นไม่พึงประสงค์และไฟแสดงสภาวะความสะอาดของอากาศ (Clean Sign) จึงช่วยฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย กลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมถึงฝุ่นละออง PM2.5 อีกด้วย

5. เครื่องฟอกอากาศ SHARP รุ่น FP-J80TA-H 62SQM

เครื่องฟอกอากาศ SHARP รุ่น FP-J80TA-H 62SQM เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ไม่ควรพลาดด้วยระบบพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้นที่พ่นอนุภาคบวกและลบ และระบบตรวจจับอนุภาคขนาดเล็กได้มากถึง 2.5 ไมครอนหรือ PM2.5 ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายนั่นเอง โดยมีระบบ IOT จึงควบคุมเครื่องฟอกอากาศผ่านระบบอินเทอร์เน็ตด้วยสมาร์ทโฟนได้ทุกที่ทุกเวลา

นอกจากการใช้งานที่สะดวกสบายแล้วเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ยังประกอบด้วยแผ่นกรองฝุ่น Hepa ที่ช่วยดักจับฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่มีขนาดเล็กถึง 3 ไมครอน ได้ถึง 99.97% พร้อมด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่น กลิ่นไม่พึงประสงค์และอุณหภูมิรวมถึงความชื้นในห้อง โดยครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 51 ตร.ม. พร้อมระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ที่เข้มข้นกว่าปกติถึง 3 เท่าเลยทีเดียว

การเลือกเครื่องฟอกอากาศ PM2.5 เพื่อป้องกันฝุ่นขนาดเล็กและสร้างคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น นอกจากจะต้องเลือกที่ระบบภายใน ประสิทธิภาพการทำงานและการใช้งานที่เหมาะสมแล้วแล้ว ควรคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ อย่างฟังก์ชันพิเศษ เช่น ระบบตั้งเวลาทำงาน การควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งจะช่วยให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ใครที่กำลังตามหาเครื่องฟอกอากาศที่ใช่กับบ้านของคุณอยู่ NocNoc.com ได้รวบรวมเครื่องฟอกอากาศและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ หลายร้อยรายการที่มีคุณภาพและราคาที่จับต้องได้สำหรับบ้านในฝันของทุกคน

บทความที่เกี่ยวข้อง