-
Tips&Tricks
6 วิธีการเลือกที่นอนแบบไหนดี ที่เหมาะกับคุณ
-
โพสต์เมื่อ 26 Mar 2020
-
โดย NocNoc Writer
-
163
รู้ไหมว่าที่นอนที่คุณเลือกส่งผลต่อสุขภาพของคุณไม่น้อยเลย ?
อาการปวดหลัง ปวดคอ หรือนอนไม่หลับ อาการเหล่านี้ส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากที่นอนที่ไม่เหมาะกับสรีระร่างกาย
โดยเฉลี่ยแล้วคนเราใช้ชีวิตบนที่นอน 6-8 ชั่วโมงจึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่สุขภาพของคนเราจะมีที่นอนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ดังนั้นการเลือกที่นอนจึงจำเป็นต้องพิถีพิถันเพื่อให้ได้ของที่เหมาะกับร่างกายคุณมากที่สุด แต่จะเลือกที่นอนแบบไหนดี? NocNoc.com มีคำตอบ
ประเภทที่นอน
ก่อนตัดสินใจเลือกที่นอน ต้องทำความรู้จักประเภทของที่นอนกันก่อนว่ามีประเภทอะไรบ้างและคุณสมบัติของแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร เพื่อเป็นตัวช่วยประกอบการเลือกที่นอนได้ง่ายขึ้น
ที่นอนยางพารา
ที่นอนยางพาราทำมาจากน้ำยางพารา มีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูง เนื้อของที่นอนยางพารายึดตัวกันเหนี่ยวแน่นจึงส่งผลให้ไม่ยุบตัวง่าย ทนต่อแรงกดทับ นอกจากนี้ที่นอนยางพารายังมีลักษณะเป็นรูเล็กๆจำนวนมากจึงส่งผลให้ไม่กักเก็บฝุ่นและไม่สะสมความชื้น
โดยที่นอนยางพาราสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้
1.ที่นอนยางพาราแท้ 100%
2.ที่นอนยางพาราอัด
โดยทั้งสองจะมีความแตกต่างกันตั้งแต่วิธีการผลิต เริ่มจากที่นอนยางพาราอัดที่ใช้เศษยางพารามาผสมอัดรวมกันเป็นก้อน ส่วนที่นอนยางพาราแท้ จะใช้แม่พิมพ์แล้วฉีดน้ำยางขึ้นรูปเป็นที่นอน
จากกรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างส่งผลให้คุณสมบัติของที่นอนยางพารามีความแตกต่างกัน โดยที่นอนยางพาราอัดจะมีความแน่นและแข็งมากกว่าที่นอนยางพาราแท้ ส่งผลให้การรองรับสรีระของผู้นอนไม่สามารถทำได้ดีเท่าที่ควร
ข้อดีของที่นอนยางพารา
- ช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง
- รับแรงกดทับได้มาก
- ระบายอากาศได้ดี ไม่เก็บกักความชื้นและฝุ่น
- กระจายน้ำหนักทุกส่วนของที่นอน ส่งผลให้รองรับสรีระของผู้นอนได้ดี
ข้อเสียของที่นอนยางพารา
- มีน้ำหนักมาก ส่งผลให้ดูแลความสะอาดลำบาก เช่น ยกที่นอนเพื่อเปลี่ยนผ้าปูที่นอน เป็นต้น
- ขณะใช้ใหม่กลิ่นยางของที่นอนค่อนข้างแรง
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับที่นอนประเภทอื่น
ที่นอนฟองน้ำอัด
ที่นอนฟองน้ำทำมาจากการนำฟองน้ำมาบดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วอัดให้แน่นจนกลายเป็นที่นอน และด้วยความหนาแน่นของฟองน้ำจึงส่งผลให้การยุบตัวของที่นอนน้อย มีความยืดหยุ่นต่ำ ไม่มีแรงต้านเพื่อตอบรับกับสรีระ แต่ไม่แข็งจนเกินไปเมื่อเทียบกับที่นอนใยมะพร้าว
ข้อดีของที่นอนฟองน้ำอัด
- เนื้อสัมผัสของที่นอนแน่นพอดี ไม่นิ่มจนเกินไปเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบนอนที่นอนนิ่ม
- ราคาไม่สูง
- มีน้ำหนักที่เบาทำความสะอาดง่าย
ข้อเสียของที่นอนฟองน้ำอัด
- หากเปียกน้ำ ที่นอนจะดูดซึมน้ำเร็ว อาจก่อให้เกิดความชื้นได้
- เมื่อใช้ไปในระยะเวลานาน ที่นอนจะยุบตัว ส่งผลให้มีโอกาสปวดหลังตามมาได้
ที่นอนสปริง
ที่นอนสปริง มีความยืดหยุ่นสูง ยุบตัวคืนตัวได้ดี ให้ความรู้สึกนุ่มเด้ง โดยลักษณะเหล่านีเกิดขึ้นจากสปริงที่อยู่ภายในที่นอน ซึ่งที่นอนสปริงมีด้วยกันหลายประเภทแบ่งตามรูปแบบดังนี้
- ที่นอนสปริงแบบบอนแนลล์ (Bonnel Spring) ใช้รูปแบบสปริงนาฬิกาทราย มีความยืดหยุ่นสูง รองรับน้ำหนักได้ดี แต่ข้อเสียคือ เมื่อใช้ไปในระยะเวลานาน สปริงจะล้มง่ายส่งผลให้เกิดเสียงเสียดสีตามมาในภายหลัง
ที่นอนสปริงแบบออฟเซ็ท (Offset Spring) คือ ที่นอนที่พัฒนามาจากที่นอนสปริงแบบบอนแนลล์ โดยเพิ่มความแข็งแรงให้กับสปริงมากขึ้น ส่งผลให้ช่วยลดเสียงเสียดสีที่เกิดขึ้น แต่ด้วยความแข็งแรงของที่นอน ส่งผลให้มีความยืดหยุ่นต่ำ และไม่รองรับกับสรีระของผู้นอนเท่าที่ควร
ที่นอนสปริงแบบออฟเซ็ท (Offset Spring) คือ ที่นอนที่พัฒนามาจากที่นอนสปริงแบบบอนแนลล์ โดยเพิ่มความแข็งแรงให้กับสปริงมากขึ้น ส่งผลให้ช่วยลดเสียงเสียดสีที่เกิดขึ้น แต่ด้วยความแข็งแรงของที่นอน ส่งผลให้มีความยืดหยุ่นต่ำ และไม่รองรับกับสรีระของผู้นอนเท่าที่ควร
ที่นอนสปริงแบบพ็อกเก็ต (Pocket Spring) มีความแตกต่างจากที่นอนสปริงที่สองแบบข้างต้นคือ การเพิ่มถุงผ้าภายในที่นอน เพื่อช่วยให้สปริงทำงานได้ดีขึ้น โดยเพิ่มความยืดหยุ่นและรองรับสรีระของผู้นอนได้ดีขึ้น
ข้อดีของที่นอนสปริง
- มีความยืดหยุ่นสูง รองรับน้ำหนักได้ดี
- น้ำหนักเบา ทำความสะอาดสะดวกสบาย
- ราคาไม่สูง
ข้อเสียของที่นอนสปริง
- หากใช้ไปในระยะเวลานานจะเกิดการยุบตัวของสปริง ทำให้เกิดเสียงดังรบกวนเวลานอน
ที่นอนใยมะพร้าว
สำหรับที่นอนใยมะพร้าว ทำมาจากกากใยมะพร้าวขึ้นรูปจากกาว จากนั้นจึงอัดแน่นจนกลายเป็นรูปที่นอน โดยคุณลักษณะของที่นอนใยมะพร้าวจะมีความหนาแน่นค่อนข้างสูง ผิวสัมผัสแข็งกระด้างและมีความยืดหยุ่นต่ำ
ข้อดีของที่นอนใยมะพร้าว
- มีความแข็งแรง ยุบตัวยาก ไม่เสียทรงง่าย ลดปัญหาที่นอนยวบ
- มีน้ำหนักเบา ทำความสะอาดง่าย
ข้อเสียของที่นอนใยมะพร้าว
- เมื่อเสื่อมสภาพ ใยมะพร้าวจะหลุดส่งผลให้เกิดปัญหาเรื่องความสะอาดตามมา
- ไม่มีช่องระบายอากาศ และลักษณะการอัดตัวของใยมะพราว ซึ่งทีพื้นที่ว่างระหว่างเส้น ส่งผลให้เป็นที่สะสมของไรฝุ่น
ที่นอนเมมโมรี่โฟม
ที่นอนเมมโมรี่โฟม (memory foam) คือโฟมที่ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ โดยลักษณะสำคัญของที่นอนชนิดนี้คือ ความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับลักษณะของพื้นผิวได้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อนอนแล้วที่นอนจะยุบตัวตามสรีระ และเมื่อปรับท่านอน ลักษณะที่ที่นอนก็จะเปลี่ยนตามไป จึงเป็นที่มาของชื่อ เมมโมรี่โฟม
ข้อดีของที่นอนเมมโมรี่โฟม
- มีความยืดหยุ่นสูง
- รองรับสรีระผู้นอนได้ดี
- กระจายแรงกดทับได้ดี
- ป้องกันไรฝุ่น
ข้อเสียของที่นอนเมมโมรี่โฟม
- ไม่มีรูระบายอากาศ ส่งผลให้ร้อนเวลานอน
- มีกลิ่นจากสารเคมี
วิธีเลือกที่นอน
1. เลือกขนาดที่นอน (ตามขนาดลำตัว)
ที่นอนขนาด Single Size
Single Size คือที่นอนขนาด 3 ฟุต (กว้าง 105 เซนติเมตร ยาว 198 เซนติเมตร) เหมาะสำหรับคนนอนแค่คนเดียว เนื่องจากความกว้างมีไม่มากพอ สำหรับการนอนสองคน
ที่นอนขนาด Queen Size
Queen Size คือที่นอนขนาด 5 ฟุต (กว้าง 150 เซนติเมตร ยาว 198 เซนติเมตร) เหมาะสำหรับการนอน 1-2 คน
ที่นอนขนาด King Size
King Size คือที่นอนขนาด 6 ฟุต (กว้าง 180 เซนติเมตร ยาว 198 เซนติเมตร) สามารถนอนได้ 2-3 คน
2. เลือกที่นอนกับขนาดของห้อง
การเลือกขนาดของที่นอนควรเลือกให้สัมพันธ์กับขนาดข้องห้อง เช่น หากคุณอาศัยในคอนโดขนาดเล็ก การเลือกใช้ที่นอนขนาด King Size อาจเป็นการใช้พื้นที่มากเกินไป จนเบียดเบียนเฟอร์นิเจอร์อย่างอื่น เช่น โต๊ะทำงาน, ตู้เสื้อผ้า
ถ้าหากอาศัยอยู่คนเดียวหรือมีห้องนอนหลักเพียงห้องเดียวอาจใช้เป็นที่นอน Single Size เพื่อความเหมาะสมกว่า
3. เลือกที่นอนให้เหมาะกับวัย
ผู้สูงอายุ
ที่นอนสูงอายุ ควรเลือกฟูกที่ค่อนข้างแข็งและหนา โดยความสูงของที่นอนไม่ควรสูงเกินไป ทั้งนี้การเลือกที่นอนสำหรับผู้สูงอายุ ควรเลือกที่นอนที่มีความกว้างมากพอให้พลิกตัวได้ อย่างที่นอนขนาด Queen Size ขึ้นไป
เด็กอ่อน
ที่นอนที่เหมาะสำหรับเด็กอ่อน ควรเป็นที่นอนเด็กอ่อนโดยเฉพาะ ต้องที่กั้นเพื่อป้องกันเด็กตก แต่ทั้งนี้ที่กั้นไม่ควรมีช่องว่างเนื่องจากมีโอกาสที่ศีรษะของเด็กจะเข้าไปติดในช่องว่างได้
4. เลือกที่นอนจากน้ำหนัก
ที่นอนที่ดีไม่ควรนิ่มและแข็งจนเกินไป แต่ควรจะเลือกที่นอนจากน้ำหนักตัวผู้ใช้งาน โดยการเลือกที่นอนจากน้ำหนักสามารถช่วยลดอาการปวดหลังได้ เช่น คนที่มีน้ำหนักมาก รูปร่างใหญ่ จะเหมาะกับที่นอนที่มีความหนาแน่นสูง เพื่อรองรับน้ำหนัก ป้องกันการยุบตัวของที่นอน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการปวดหลัง
ภาพ: ที่นอนสปริง Synda ช่วยรับน้ำหนักได้ดี
5. เลือกจากค่าความหนาแน่น
สำหรับค่าความหนาแน่นของที่นอน (Density) จะเกี่ยวข้องต่อกับการรับน้ำหนักของผู้ใช้ ยิ่งค่าความหนาแน่นมากจะสามารถรับน้ำหนักได้มาก ซึ่งค่าความหนาแน่นจะเริ่มต้นตั้งแต่ 70-110 KG/m3
ภาพ: ที่นอนยางพารา Lalabed มีความหนาแน่นสูง
ข้อแนะนำ
สำหรับการเลือกใช้ที่นอนของผู้สูงอายุควรมีค่าความหนาแน่น ระหว่าง 100-110 KG/m3 จะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้
6. เลือกจากการใช้งาน
การใช้งานในที่นี้จะให้ความสำคัญที่จำนวนผู้นอน หากบ้านไหนที่นอนด้วยกันหลายคนบนที่นอนอันเดียว ควรหลีกเลี่ยงการใช้ที่นอนแบบสปริง มาใช้ที่นอนยางพาราแทน เพื่อลดการเกิดเสียงเวลาพลิกตัว อันเป็นหนึ่งในสาเหตุที่รบกวนการนอนหลับของคนข้างๆ
สรุป
การเลือกที่นอนที่ดีควรพิจารณาจากความเหมาะสมหลายปัจจัย เช่น น้ำหนักตัว, ขนาดของห้อง จนไปถึงอายุของผู้ใช้งาน นอกจากนี้การเลือกที่นอน ราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญ ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบโปรโมชั่นด้วย เพราะที่นอนเป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ที่ลดราคาค่อนข้างบ่อย หากจังหวะดีสามารถประหยัดค่าที่นอนได้เป็นหมื่น
แต่ถ้าหากไม่รู้ว่าจะตรวจสอบราคาที่นอนได้จากไหน NocNoc.com ได้รวบรวมที่นอนไว้เพียบ ประหยัดทั้งเวลาและค่าเดินทาง คุ้มค่าคุ้มราคา และ NocNoc.com เราพร้อมเป็นตัวช่วยเรื่องแต่งบ้านเปลี่ยนความฝันให้เป็นความจริง
“
แต่งบ้านได้สุดอย่างฝันที่ NocNoc.com
แต่งบ้านได้สุดอย่างฝันที่ NocNoc.com
518
-
Tips&Tricks
อัปเดต 10 วิธีแก้ปัญหาห้องเหม็นอับ เพิ่มอากาศบริสุทธิ์และสดชื่น
โพสต์เมื่อ 08 Oct 2024
512
-
Knowledge
มัดรวม 5 ต้นไม้ในออฟฟิศ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
โพสต์เมื่อ 25 Oct 2023
510
-
Tips&Tricks
แนะนำ 10 ชั้นวางรองเท้าไม้ สำหรับบ้านสไตล์มูจิมินิมอล
โพสต์เมื่อ 04 Sep 2024
505
-
Idea&Inspiration
รวม 8 ทริคจัดมุมกาแฟเล็ก ๆ แปลงโฉมบ้านให้เป็นโฮมคาเฟ่
โพสต์เมื่อ 17 Oct 2023
504
-
Others
-
+1
จิ๋วแต่แจ๋ว! เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ เย็นเร็ว ทั่วถึง เคลื่อนย้ายสะดวก!
โพสต์เมื่อ 11 Apr 2022