-
Knowledge
ป้องกันฝุ่น PM2.5 เลือกเครื่องฟอกอากาศแบบไหนดี
-
โพสต์เมื่อ 22 Dec 2020
-
โดย NocNoc Writer
-
65
มลภาวะทางอากาศอย่างฝุ่น PM2.5 กลับมากวนใจอีกครั้ง เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) หรือเครื่องกรองอากาศจึงเป็นตัวเลือกในการต่อสู้กับทั้งฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ รวมไปถึงเชื้อไวรัส และแบคทีเรียในอากาศ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้
การเลือกเครื่องฟอกอากาศ PM2.5 เพื่อป้องกันฝุ่นขนาดเล็กที่เหมาะสมกับการใช้งานจึงเป็นเรื่องที่ควรคำนึงถึง เพื่อให้ได้เครื่องฟอกอากาศที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ก่อนจะซื้อเครื่องฟอกอากาศจะรู้ได้อย่างไรว่าเลือกซื้อแบบไหนถึงจะดี? หรือควรคำนึงถึงปัจจัยไหนบ้าง! บทความนี้มีคำตอบให้ทุกคนพร้อม 5 ลิสต์เครื่องฟอกอากาศคุณภาพดีสู้ฝุ่น PM2.5
เครื่องฟอกอากาศคืออะไร ?
เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่กำจัดสิ่งสกปรก สิ่งแปลกปลอม เช่น เชื้อไวรัส แบคทีเรีย สารก่อภูมิแพ้ รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยดูดอากาศเข้าไปในตัวเครื่องดักจับสิ่งสกปรกและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาแทนที่
3 ข้อดีของการใช้เครื่องฟอกอากาศ
1. อากาศบริสุทธิ์มากขึ้น
ข้อดีที่โดดเด่นที่สุดของเครื่องฟอกอากาศ คือ ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้น ช่วยกำจัดฝุ่นละออง สิ่งแปลกปลอมทั้งที่มองเห็น และมองไม่เห็นในอากาศ
2. ลดสารก่อภูมิแพ้
สารก่อภูมิแพ้ในอากาศจากฝุ่นละออง และไรฝุ่นเป็นตัวกระตุ้นอาการภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี การใช้เครื่องฟอกอากาศจึงช่วยดักจับฝุ่นละอองช่วยป้องกันอาการภูมิแพ้นั่นเอง
3. ปอดทำงานได้ดีขึ้น
หลังจากเครื่องฟอกอากาศกำจัดสิ่งแปลกปลอม และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาแทน ทำให้ปอดได้รับอากาศบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้นส่งผลให้ทำงานได้ดี เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ซื้อเครื่องฟอกอากาศป้องกัน PM2.5 แบบไหนดี? มาดู 5 วิธีการเลือกเครื่องฟอกอากาศให้ตรงกับการใช้งาน และป้องกัน PM2.5!
วิธีเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ป้องกัน PM2.5
1. พื้นที่ใช้งาน
ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีขนาดเหมาะกับพื้นที่ภายในห้อง เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศถูกออกแบบมาให้ทำงานตามขนาดพื้นที่เช่นเดียวกับเครื่องปรับอากาศ จึงควรเลือกแบบที่ฟอกอากาศได้ทั่วทั้งห้องไม่เล็ก หรือใหญ่จนเกินไป เพื่อไม่ให้กินไฟมากจนเกินพอดี
2. ความเร็วในการฟอก
ค่า CADR หรือค่า Clean Air Delivery Rate หรือค่าปริมาณอากาศที่เครื่องสามารถเปลี่ยนถ่ายได้ใน 1 นาที ควรเลือกแบบที่มีตัวเลขสูงเพราะมีประสิทธิภาพการฟอกอากาศที่ดี และควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีค่า Air Flow หรือค่าความเร็วลมสูงเช่นกันเพราะความใช้เวลากรองอากาศน้อยลงนั่นเอง
3. แผ่นกรองฝุ่น
สำหรับการรับมือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ควรเลือกแผ่นกรองฝุ่นที่มีความละเอียดสูง โดยแผ่นกรองฝุ่นที่ได้รับความนิยมในยุคนี้คือ HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) เพราะสามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน
4. การออกแบบ
น้ำหนักและเสียง นอกจากการใช้งานที่มีประสิทธิภาพแล้วก็ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับการตกแต่งภายในบ้าน และมีน้ำหนักไม่มากเพื่อให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก รวมถึงควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ไม่มีเสียงรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันที่ประมาณ 30-31 เดซิเบล
5. อะไหล่ และการซ่อมบำรุง
เนื่องจากอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงแผ่นกรองฝุ่นนั้นต้องเปลี่ยนตามอายุการใช้งาน จึงควรคำนึงถึงการรับประกันและการซื้ออะไหล่ด้วยราคาที่เหมาะสม เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
รู้ถึงข้อดีและวิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศกันแล้ว ก็ไปดูกันต่อเลยว่าเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี? รุ่นไหนเด่น! เหมาะกับการป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้ดี
NocNoc.com จึงรวม 5 ลิสต์เครื่องฟอกอากาศ PM2.5 มาแนะนำกัน
1. เครื่องฟอกอากาศ Mi Air Purifier 3H
เริ่มต้นที่เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ XIAOMI รุ่น Mi Air Purifier 3H สีขาว ขนาด 24 x 24 x 52 ซม. เหมาะสำหรับห้องขนาด 48 ตร.ม. มาพร้อมกับดีไซน์คลาสสิคตามแบบฉบับของ XIAOMI และจอสัมผัส OLED แสดงข้อมูลคุณภาพอากาศและตรวจสอบค่า AQI ได้แบบเรียลไทม์ โดยพัฒนาจากเครื่องฟอกอากาศรุ่นเดิมโดยเพิ่มตัวกรอง Hepa Class 13 ซึ่งเป็นตัวช่วยกำจัดอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 99.97%
นอกจากระบบฟอกอากาศที่ดีขึ้นแล้วเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ยังควบคุมผ่าน Mi Home Application รวมถึงรองรับการทำงานร่วมกับ Google Assistant และ Amazon Alexa จึงถือเป็นเครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะที่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างมาก
2. เครื่องฟอกอากาศ SHARP รุ่น FP-J30TA-B Plasma
แบรนด์เครื่องฟอกอากาศยักษ์ใหญ่อย่าง SHARP เองก็มีเครื่องฟอกอากาศเพื่อสร้างอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้านเช่นกัน สำหรับเครื่องฟอกอากาศ SHARP รุ่น FP-J30TA-B Plasma เหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่ 23 ตร.ม. โดยมีขนาด 41 x 21 x 43 ซม. พร้อมกับดีไซน์โค้งมนจึงปลอดภัยต่อเด็กเล็ก
มีจุดเด่นที่เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ซึ่งทำงานด้วยการพ่นอนุภาคบวกและลบเพื่อฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา แบคทีเรียและสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ รวมถึงยังกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กตั้งแต่ PM2.5 จนถึง 0.3 เลยทีเดียว นอกจากเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์แล้วเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ก็ยังประกอบด้วยแผ่นกรองฝุ่น Hepa ซึ่งใช้งานได้ยาวนานถึง 2 ปี
3. เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ SHARP รุ่น IG-GC2B-N
ภาพ: SHARP รุ่น IG-GC2B-N
เพราะฝุ่นละออง PM2.5 นั้นติดตามเราไปได้ทุกที่ นอกจากเครื่องฟอกอากาศภายในบ้านแล้ว SHARP ยังได้ผลิตเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ SHARP รุ่น IG-GC2B-N ซึ่งมีขนาด 10 x 10 x 22 ซม. และมีน้ำหนักเพียง 500 กรัม โดยมีดีไซน์ใหม่ทรงแก้วน้ำทำให้พกพาได้สะดวก เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 3.6 ตร.ม. ใช้งานได้สะดวกเพียงต่อสาย USB กับ Adapter ในรถยนต์จึงเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศภายในรถยนต์
ถึงแม้จะมีขนาดเล็กแต่เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์รุ่นนี้ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพไม่ต่างจากเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ โดยมีเทคโนโลยีพ่นอนุภาคไฟฟ้าพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้น อีกทั้งยังมีโปรแกรมปิดการทำงานอัตโนมัติหากเปิดใช้งานเกิน 8 ชม.
4. เครื่องฟอกอากาศ AIR PUR SHARP รุ่น FP-J60TA-W
สำหรับห้องที่มีพื้นที่ 48 ตร.ม. เครื่องฟอกอากาศ AIR PUR SHARP รุ่น FP-J60TA-W เป็นเครื่องฟอกอากาศ PM2.5 อีกรุ่นจาก SHARP ที่เหมาะกับที่อยู่อาศัยสำหรับครอบครัวมีขนาด 29 x 42 x 73 ซม. มีดีไซน์โค้งมนและระบบป้องกันอันตรายสำหรับเด็ก (Child Lock)
นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นมิตรแล้ว เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ยังทำงานโดยปล่อยประจุบวกและลบสูงสุดถึง 25,000 ไอออน และระบบ Ion Shower ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ในปริมาณสูงเป็นพิเศษต่อเนื่อง 60 นาที พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่น กลิ่นไม่พึงประสงค์และไฟแสดงสภาวะความสะอาดของอากาศ (Clean Sign) จึงช่วยฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย กลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมถึงฝุ่นละออง PM2.5 อีกด้วย
5. เครื่องฟอกอากาศ SHARP รุ่น FP-J80TA-H 62SQM
เครื่องฟอกอากาศ SHARP รุ่น FP-J80TA-H 62SQM เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ไม่ควรพลาดด้วยระบบพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้นที่พ่นอนุภาคบวกและลบ และระบบตรวจจับอนุภาคขนาดเล็กได้มากถึง 2.5 ไมครอนหรือ PM2.5 ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายนั่นเอง โดยมีระบบ IOT จึงควบคุมเครื่องฟอกอากาศผ่านระบบอินเทอร์เน็ตด้วยสมาร์ทโฟนได้ทุกที่ทุกเวลา
นอกจากการใช้งานที่สะดวกสบายแล้วเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ยังประกอบด้วยแผ่นกรองฝุ่น Hepa ที่ช่วยดักจับฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่มีขนาดเล็กถึง 3 ไมครอน ได้ถึง 99.97% พร้อมด้วยเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่น กลิ่นไม่พึงประสงค์และอุณหภูมิรวมถึงความชื้นในห้อง โดยครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 51 ตร.ม. พร้อมระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ที่เข้มข้นกว่าปกติถึง 3 เท่าเลยทีเดียว
การเลือกเครื่องฟอกอากาศ PM2.5 เพื่อป้องกันฝุ่นขนาดเล็กและสร้างคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น นอกจากจะต้องเลือกที่ระบบภายใน ประสิทธิภาพการทำงานและการใช้งานที่เหมาะสมแล้วแล้ว ควรคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ อย่างฟังก์ชันพิเศษ เช่น ระบบตั้งเวลาทำงาน การควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งจะช่วยให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ใครที่กำลังตามหาเครื่องฟอกอากาศที่ใช่กับบ้านของคุณอยู่ NocNoc.com ได้รวบรวมเครื่องฟอกอากาศและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ หลายร้อยรายการที่มีคุณภาพและราคาที่จับต้องได้สำหรับบ้านในฝันของทุกคน
“
514
-
Others
-
+2
10 ไอเดียเก๋ ๆ จัดมุมโซฟาตัวแอลให้เข้ากับห้องนั่งเล่นสุดชิค
โพสต์เมื่อ 02 Mar 2022
498
-
Tips&Tricks
-
+1
มือใหม่ต้องรู้ ! ทีวีมีกี่ประเภท เลือกแบบไหนเหมาะกับเรา ?
โพสต์เมื่อ 04 Oct 2023
495
-
Tips&Tricks
โต๊ะทำงานปรับระดับไฟฟ้า ทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพของวัยทำงาน
โพสต์เมื่อ 19 Jul 2021
495
-
Idea&Inspiration
20 ไอเทมของขวัญจับฉลาก 300 บาท ประหยัดงบ แต่ได้ของปัง
โพสต์เมื่อ 18 Dec 2023
495
-
Tips&Tricks
-
+1
7 ของมงคลเปิดร้านใหม่ เพื่อกิจการเฮง ๆ ปัง ๆ
โพสต์เมื่อ 04 Dec 2023