5 ข้อดีของท็อปเปอร์ ถูกใจคนรักการนอน

ท็อปเปอร์ อีกหนึ่งไอเทมที่คนรักการนอนต้องมีไว้ติดบ้าน เพราะการนอนหลับคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด ตลอดช่วงเวลาการนอน 6-8 ชั่วโมง (หรืออาจกินเวลามากถึง 12 ชั่วโมงในวันหยุด) จึงควรสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีที่ช่วยให้เรานอนหลับง่าย สบาย และหลับสนิทไปได้อย่างยาวนาน

หากอยากรู้ว่า ท็อปเปอร์ ต่างจากที่นอนทั่วไปอย่างไร มีข้อดีอะไรที่เราควรซื้อ และต้องเลือกแบบไหน ใช้อย่างไรให้เหมาะสม มาดูกันเลย

ท็อปเปอร์ คือ แผ่นรองนอนหรือฟูกนอน เอาไว้ใช้ปูทับที่นอนอีกชั้นหนึ่ง เพื่อช่วยรองรับสรีระผู้นอนได้ดียิ่งขึ้น ทำให้นอนหลับสบายมากกว่าเดิม ไม่เกิดอาการปวดเมื่อยตามหลังหรือเนื้อตัวเมื่อนอนในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานาน วัสดุที่ใช้ทำท็อปเปอร์ค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งโฟม ฟองน้ำ ยางพารา ขนสัตว์แท้ ขนสัตว์เทียม ซึ่งให้ความรู้สึกและสัมผัสในการนอนแตกต่างกันไป

โดยทั่วไปแล้ว ท็อปเปอร์จะต่างจากที่นอนทั่วไป ดังนี้

ท็อปเปอร์ มีลักษณะ

• ถูกออกแบบมาให้ใช้คู่กับที่นอน ไม่ใช่เครื่องนอนที่ใช้เป็นหลัก
• ความหนาแน่นบางเบากว่า แต่มีผิวสัมผัสที่นุ่มสบายกว่า
• นำออกมาใช้ปูรองนอนและเก็บได้สะดวกกว่า
• นำมาใช้ปูพื้นรองนั่งทั่วไปได้
• นำไปใช้ปูนอนได้ทุกที่ตามที่ต้องการ

ที่นอน มีลักษณะ

• เป็นองค์ประกอบหลักของเครื่องนอน
• ถูกออกแบบมาให้ใช้ได้ยาวนานกว่า
• มีโครงสร้างที่รองรับการนอนหลับซับซ้อนกว่า
• ลักษณะผิวสัมผัสแตกต่างกันไปตามประเภทที่นอน
• ควรจัดวางในพื้นที่เฉพาะ ไม่เหมาะแก่การพกพาทั่วไป
• มีขนาดใหญ่กว่า น้ำหนักมากกว่า และความหนามากกว่า

ไม่ว่าเราจะเลือกที่นอนเพื่อสุขภาพหรือเพิ่งเริ่มหัดเลือกเตียงนอนฉบับมือใหม่ จนเราได้ที่นอนดี ๆ สักอันมาแล้ว แต่การเพิ่มท็อปเปอร์ที่ดีอีกอันเสริมปูนอนเข้าไปด้วย ก็จะยิ่งเสริมบรรยากาศและสร้างสภาพแวดล้อมของการนอนหลับที่มีความสุขได้มากกว่าเก่า เหตุผลที่ควรมีท็อปเปอร์ก็เพราะ…

1. ทำให้การนอนมีคุณภาพมากขึ้น
อย่างที่บอกไปแล้วว่าท็อปเปอร์มีลักษณะบางเบาและนุ่มกว่าที่นอน เมื่อนำมาปูรองที่นอนนั้น จะช่วยรองรับสรีระผู้นอนได้ดียิ่งขึ้น ทำให้หลับสนิทนานกว่าเดิม ไม่ทำให้ปวดหลังหรือรู้้สึกปวดเมื่อยเนื้อตัวเมื่อเทียบกับการนอนบนที่นอนแข็ง ๆ แน่น ๆ นอกจากนี้ ท็อปเปอร์เสริมที่นอนให้หนาขึ้น เมื่อนอนลงไปแล้ว ที่นอนไม่ยุบตัวหรือยวบลงไป ซึ่งเหมาะกับคนที่มีปัญหานอนกรนบ่อย ๆ เพราะจะช่วยรองรับแผ่นหลังไม่ให้จมไปกับที่นอนมากเกินไป
2. หมดห่วงเรื่องความสะอาด
นอกจากเคล็ดลับรับมืออากาศร้อนและฝุ่นแล้ว ท็อปเปอร์ยังเป็นไอเทมช่วยป้องกันสิ่งสกปรกขนาดเล็ก ๆ และสิ่งที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งมักฝังตัวอยู่ตามที่นอนด้วย ทำให้เราเลี่ยงกับการสัมผัสไรฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเล็ก ๆ เหล่านั้นโดยตรง หรือหากเราทำความสะอาด ซักที่นอนเป็นประจำอยู่แล้ว ท็อปเปอร์ก็เป็นเหมือนเกราะป้องกันอีกชั้นหนึ่ง ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ไรฝุ่นมาเกาะตามที่นอนได้เช่นกัน ช่วยให้หมดปัญหาว่าที่นอนจะกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคอีกต่อไป
3. ยืดอายุการใช้งานที่นอน
นอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้ไรฝุ่นและสิ่งสกปรกมาเกาะบนที่นอนแล้วนั้น ท็อปเปอร์ยังช่วยถนอมที่นอนได้ชั้นหนึ่ง เมื่อสิ่งสกปรกมาฝังตามที่นอนน้อยลง รวมทั้งมีท็อปเปอร์มาช่วยเสริมการรองรับสรีระผู้นอนอีกชั้นหนึ่งนั้น ก็ทำให้ที่นอนเสื่อมสภาพน้อยลง ยืดอายุการใช้งานที่นอนได้นานขึ้น นอกจากนี้ เราอาจทำความสะอาดท็อปเปอร์เมื่อเกิดคราบสกปรกได้ โดยใช้แปรงขนนุ่มมาเช็ดทำความสะอาดให้คราบนั้นหลุดออกไป
4.  เก็บรักษาและใช้งานง่าย
ท็อปเปอร์มีน้ำหนักเบากว่าที่นอน นี่ถือเป็นข้อได้เปรียบของเครื่องนอนชิ้นนี้ เพราะเราสามารถเคลื่อนย้ายหรือพกพาสำหรับนำไปออกทริป ปูนอนในรถ ปูนั่งในห้องนั่งเล่น ปูรองนั่งทำงานบนพื้น ก็ได้ทั้งนั้น นอกจากนี้ ท็อปเปอร์ยังเก็บรักษาได้ง่าย เพียงแค่ม้วนหรือพับเก็บก็ได้ โดยไม่ทำให้เสียรูปทรงหรือหักงอ ทำให้สะดวกสบาย รวมทั้งประหยัดเวลาเก็บและนำมาใช้งาน
5. ราคาย่อมเยากว่า
ท็อปเปอร์ผลิตจากวัสดุหลากหลายที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับที่นอนเกรดเอ แถมยังมีผิวสัมผัสที่นุ่ม คุณสมบัติรองรับสรีระการนอนก็แทบจะเทียบเคียงกับที่นอนได้เลย แต่เมื่อเทียบเรื่องราคาแล้ว ต้องยอมรับว่าท็อปเปอร์ถูกกว่าหลายเท่า จึงไม่แปลกเลยที่หลายคนมักซื้อหามาติดบ้าน รวมทั้งอาจนำมาใช้หนุนรองแทนที่นอนบ้างบางครั้ง หากใครที่งบซื้อที่นอนดี ๆ ยังไม่พอ อาจนำมาลงทุนซื้อท็อปเปอร์ดี ๆ สักอันไว้ปูเสริมก็ได้สบาย ๆ เลย

เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าอยากซื้อท็อปเปอร์ไว้ลองใช้ ก็ต้องรู้ก่อนว่าการเลือกท็อปเปอร์ดี ๆ เอาไว้ใช้นาน ๆ สักอันนั้น ต้องดูกันยังไงบ้าง สิ่งสำคัญในการเลือกซื้อท็อปเปอร์นั้น ต้องพิจารณาองค์ประกอบต่อไปนี้

ความหนา
โดยทั่วไปแล้ว ท็อปเปอร์ที่บางที่สุดจะหนาเพียงหนึ่งนิ้ว ส่วนท็อปเปอร์ที่หนาที่สุดจะมีความหนาประมาณ 4  นิ้ว หากเราจะเลือกท็อปเปอร์มาใช้ปูรองนอนให้เหมาะกับที่นอนตัวเอง ก็ควรเลือกที่มีความหนาพอสมควร ไม่มากไม่น้อยเกินไป เมื่อปูรองนอนบนที่นอนแล้ว ไม่รู้สึกหนาและสูงมากหรือบางจนเหมือนปูผ้าทับ เพราะอาจทำให้รู้สึกนอนไม่สบายตัวได้ ใครที่อยากนอนอุ่น ๆ หน่อย ควรเลือกท็อปเปอร์ค่อนข้างหนา แต่หากที่นอนมีหลายชั้นอยู่แล้ว ก็อาจเลือกที่บางลงมานิดนึงก็ได้ ที่สำคัญ ท็อปเปอร์ที่ทำจากเมมโมรี่โฟมหรือยางพาราจะมีความหนากำลังดี ซึ่งเราอาจเลือกตัวนี้มาใช้ดูได้

วัสดุ
ท็อปเปอร์ส่วนใหญ่มักผลิตจากนุ่น ยางพารา เมมโมรี่โฟม หรือขนสัตว์ ไม่มีคำตอบตายตัวว่าวัสดุแบบไหนเหมาะแก่การนำมาใช้รองนอนมากที่สุด เพราะท็อปเปอร์ที่ดีที่สุดของแต่ละคนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง หากเราเกิดอาการแพ้ไรฝุ่น ท็อปเปอร์ที่ทำจากขนสัตว์ก็น่าจะตอบโจทย์ที่สุด หรือหากเรามีปัญหาปวดหลัง นอนไม่สบาย ก็อาจเลือกท็อปเปอร์ที่ทำจากเมมโมรี่โฟมแทน และบทความนี้ก็ได้ลองสรุปข้อดีข้อด้อยของท็อปเปอร์แต่ละแบบมาคร่าว ๆ พอให้เข้าใจและเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น

ท็อปเปอร์ ทำจากยางพารา

ข้อดี

• รองรับสรีระและกระจายน้ำหนักได้ดี แก้อาการปวดเมื่อย
• ผิวสัมผัสเหมือนเมมโมรี่โฟม แต่แน่นกว่า ทำให้นอนสบาย ไม่ยวบ
• ป้องกันฝุ่นและไร
• ใช้งานนาน ทนทาน

ข้อเสีย

• ราคาแพง
• อมความร้อนในกรณีที่ใช้ท็อปเปอร์ที่ทำยางพาราเกรดด้อย
• น้ำหนักเยอะกว่า เคลื่อนย้ายไม่สะดวก

ท็อปเปอร์ ทำจากเมมโมรี่โฟม

ข้อดี 

• รองรับสรีระดีกว่า
• ช่วยหนุนกล้ามเนื้อและข้อต่อ เหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดหลังและมีปัญหาข้อต่อต่าง ๆ
• ลดเสียงรบกวนจากการขยับตัวไปมาบนที่นอน
• ทนทาน ใช้งานได้หลายปีพร้อมรับประกัน

ข้อเสีย

• มีกลิ่นสารเคมีออกมาในตอนที่ซื้อไปใช้แรก ๆ
• อาจทำให้รู้สึกร้อนได้ เพราะอมความร้อน จึงควรเลือกเมมโมรี่โฟมที่ระบายอากาศ

ท็อปเปอร์ ทำจากขนสัตว์

ข้อดี

• ผิวสัมผัสนุ่มและบางเบาเป็นธรรมชาติ
• ทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน
• เหมาะกับผู้ที่มีอาการแพ้ใยสังเคราะห์
• ป้องกันฝุ่นและไร
• เย็นสบาย ไม่อมความร้อน

ข้อเสีย

• ราคาแพงกว่าท็อปเปอร์ที่ทำจากวัสดุอื่น
• ไม่มีคุชชันรองรับสรีระเหมือนเมมโมรี่โฟม

ท็อปเปอร์ ทำจากขนเป็ด

ข้อดี

• ผิวสัมผัสนุ่มเป็นพิเศษ
• ทนทาน ใช้งานได้นาน
• ลดแรงกระเทือนจากการขยับบนที่นอน
• คุมอุณหภูมิที่นอนได้ดีกว่า

ข้อเสีย

• ไม่รองรับสรีระ จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดเมื่อยตามตัว
• ค่อนข้างยวบ ไม่อยู่ตัว

ท็อปเปอร์ ทำจากฝ้ายหรือโพลีเอสเตอร์

ข้อดี

• ผิวสัมผัสนุ่มเป็นพิเศษ
• มีให้เลือกทั้งแบบใยสังเคราะห์หรือใยธรรมชาติ
• ทำความสะอาดง่ายกว่าวัสดุอื่น
• ราคาของโพลีเอสเตอร์ถูกกว่า

ข้อเสีย

• ไม่ค่อยทนทาน ใช้ได้ในระยะสั้น ๆ
• ใยฝ้ายแท้เกรดคุณภาพมักมีราคาแพง

ความเบา

ความหนาแน่นของท็อปเปอร์ต่างจากความหนา โดยความหนาแน่นหมายถึงน้ำหนักหรือความเบาบางของท็อปเปอร์นั่นเอง ยิ่งเราเลือกท็อปเปอร์ที่มีน้ำหนักไม่เบาบางเกินไป ก็ยิ่งช่วยซัพพอร์ตร่างกายเราได้มากขึ้น

ควรเลือกท็อปเปอร์ที่มีมวลความหนาแน่นหรือน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม ในกรณีที่ไม่ได้ต้องการที่รองนอนนุ่มมาก แต่ถ้าใครมีปัญหาปวดหลังปวดเอว อาจเลือกท็อปเปอร์ที่มีน้ำหนักประมาณ 2-4 กิโลกรัม เพื่อรองรับน้ำหนักตัวตอนนอน

เจล

ท็อปเปอร์บางแบรนด์นิยมเสริมเจลเข้ามาแทนโพลียูรีเทนโฟม ท็อปเปอร์ที่ใช้เจลเสริมเข้ามาแทนโฟมจะมีราคาแพงกว่าท็อปเปอร์ทั่วไป โดยเจลในท็อปเปอร์มีส่วนช่วยหนุนสรีระผู้นอนให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น รวมทั้งยังทำให้รู้สึกเย็น โดยเฉพาะตอนนอนหลับช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าวด้วย

นอกเหนือจากการพิจารณาองค์ประกอบต่าง ๆ ก่อนเลือกซื้อท็อปเปอร์ที่ใช่ ตรงความต้องการเราแล้วนั้น การใช้ให้ถูกวิธีก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยให้ท็อปเปอร์เสริมคุณภาพการนอนหลับที่ดี รวมทั้งใข้งานไปได้นานอีกด้วย มาดูกันว่าเทคนิคการใช้ท็อปเปอร์นั้นต้องใช้อย่างไรให้คุ้ม

• นำผ้าปูที่นอนและที่รองบนที่นอนออกไปให้หมด จากนั้นปูท็อปเปอร์ทับลงไปแทน จัดให้อยู่ตรงกลางหรือตำแหน่งที่ต้องการรองนอน
• วางที่รองที่นอนและปูผ้าปูที่นอนทับ โดยค่อย ๆ  จัดให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันท็อปเปอร์ด้านล่างเคลื่อนตัว
• ดึงมุมผู้ที่นอน และตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง
• ไม่ควรนำท็อปเปอร์มาปูรองนอนเปล่าแทนที่นอน เพราะท็อปเปอร์ถูกออกแบบมาให้เป็นชิ้นส่วนเสริมของเครื่องนอนหลักเท่านั้น

ท็อปเปอร์ เครื่องนอนอีกหนึ่งชิ้นที่ช่วยเสริมที่นอนให้นุ่มขึ้น ส่งผลดีต่อสุขภาพผู้นอน รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมการนอนที่เป็นมิตร ทำให้คุณภาพและบรรยากาศการนอนของคุณเปลี่ยนไปและดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การเลือกซื้อท็อปเปอร์ที่ดีนั้น ต้องเลือกที่เหมาะกับที่นอนและความต้องการ จึงจะได้ท็อปเปอร์ที่ใช่และตอบโจทย์การนอนมากที่สุด

สำหรับใครที่กำลังมองหาไอเดียและของตกแต่งบ้าน  NocNoc.com ได้รวบรวมสินค้าจำนวนมาก มีครบทุกห้องที่คุณต้องการ แถมในช่วงพิษเศรษฐกิจแบบนี้ NocNoc.com ใจดีแจกโปรโมชั่นส่วนลดมากมาย เพื่อให้ทุกคนได้สินค้าคุณภาพในราคาที่โดนใจ เพราะ NocNoc.com เราพร้อมเป็นตัวช่วยเปลี่ยนความฝันเรื่องบ้านให้เป็นความจริง!