-
Others
-
Home repair
-
Tips&Tricks
-
Knowledge
เรื่องเล็กในบ้านที่อย่ามองข้าม การเลือกหลอดไฟในบ้านต้องใส่ใจอะไรบ้าง?
-
โพสต์เมื่อ 21 Jun 2022
-
โดย NocNoc Writer
-
161
Key Takeaways
- หลอดไฟเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็กในบ้าน ที่หากมองโดยทั่วไปแล้ว อาจจะเลือกแบบไหนก็ได้เพราะให้ความสว่างเหมือนกันหมด แต่จริง ๆ แล้วการเลือกหลอดไฟต้องเลือกจากหลาย ๆ ปัจจัย เพื่อให้เลือกได้ตรงกับการใช้งานมากที่สุด
- การเลือกหลอดไฟในบ้านต้องดูทั้งพื้นที่ที่จะติดตั้ง รูปแบบหลอด ขั้วหลอด กำลังวัตต์ ไปจนถึงฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ ที่จะช่วยให้แสงไฟในบ้าน สว่างไสวและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์มากที่สุด
เพราะแสงสว่างเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ภายในบ้าน การจัดแสงให้เข้ากับสไตล์การแต่งบ้านช่วยทำให้บ้านน่าอยู่มากกว่าเดิม และแสงสว่างที่มากเพียงพอ มองเห็นจุดต่าง ๆ ได้ทั่วถึง ช่วยป้องกันอุบัติเหตุต่าง ๆ ในบ้านได้อีกด้วย การเลือกหลอดไฟในบ้านให้ตอบโจทย์การใช้งานของสมาชิกทุกคนในบ้านจึงมองข้ามไม่ได้โดยเด็ดขาด ถ้ามองแบบผิวเผินการซื้อหลอดไฟสักหลอดอาจจะดูเหมือนไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่ให้แสงสว่างก็เพียงพอแล้ว แต่จริง ๆ ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ควรนำมาเป็นตัวช่วยในการเลือกหลอดไฟให้ใช้งานได้ดีที่สุด ตาม NocNoc ไปดู 7 วิธีเลือกหลอดไฟให้ตอบโจทย์ว่าจะต้องดูที่อะไรกันบ้าง
หลอดไฟที่นิยมใช้กันในบ้านมีแบบไหนบ้าง
1. หลอดไส้
หลอดไส้ (Incandescent) เป็นหลอดไฟที่ใช้กันมาตั้งแต่อดีตแล้ว มีลักษณะเป็นทรงกลม อาจเป็นได้ทั้งแบบใสและแบบฝ้า ภายในหลอดจะมีขดลวด เมื่อกดเปิดสวิตช์จะมีแสงสว่างมาก แต่ก็มาพร้อมความร้อนสูงด้วยเช่นกัน และเมื่อร้อนมากก็ทำให้กินไฟมากขึ้นตามไปด้วย แถมยังมีอายุการใช้งานสั้นกว่าหลอดไฟสมัยใหม่ จึงเป็นหลอดไฟที่ยังมีคนใช้อยู่ แต่ไม่นิยมเท่าประเภทอื่น
2. หลอดไฟ LED (Light Emitting Diodes)
หลอดไฟแบบยุคใหม่ที่ค่อย ๆ เข้ามาแทนที่หลอดไส้ คือ หลอดไฟ LED ซึ่งย่อมาจาก Light Emitting Diodes เป็นหลอดไฟที่มีขนาดเล็กลง สว่างมาก แต่ไม่ส่งผลเสียต่อสายตา แถมยังไม่ทำให้เกิดความร้อน จึงประหยัดไฟและมีอายุการใช้งานยาวขึ้น โดยหลอดไฟ LED นั้นทำงานโดยกระแสไฟฟ้าจะเคลื่อนที่ไปยังสารกึ่งตัวนำภายในหลอดไฟ ทำให้อิเล็กตรอนภายในเกิดการเคลื่อนที่ ส่งผลให้เกิดแสงสว่างขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้หลอดไฟประเภทนี้ก็ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะไม่มีสารพิษอีกด้วย
3. หลอดไฟคอมแพคฟลูออเรสเซนต์
หลอดไฟคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ หรือที่รู้จักกันในชื่อหลอดตะเกียบ เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์ (หลอดนีออน) ซึ่งพัฒนาให้ประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม โดยหลอดไฟแบบนี้มีขนาดกะทัดรัด แต่ให้แสงสว่างมาก ใช้งานได้ยาวนานมาก นานกว่าหลอดไส้ถึง 8 เท่า มีรูปร่างให้เลือกหลายแบบ เช่น แบบหลอดตะเกียบ หลอดเกลียว จึงเป็นหลอดไฟอีกแบบที่พบเห็นได้ในที่อยู่อาศัยทั่วไป
แล้วการเลือกหลอดไฟในบ้านควรจะรู้อะไรบ้าง? วิธีเลือกหลอดไฟจะต้องใส่ใจด้านใดบ้าง วันนี้ NocNoc มีคำตอบมาฝากทุกคนแล้ว เพื่อให้ทุกคนนำไปเลือกหลอดไฟที่ตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยมากที่สุด ไปดูกันเลย!
7 เคล็ดลับการเลือกหลอดไฟในบ้านให้ตอบโจทย์การใช้งาน
1. พื้นที่ที่จะติดหลอดไฟ
ภาพ: การติดตั้งหลอดไฟในบ้าน
จะเลือกหลอดไฟทั้งทีก็ต้องรู้ก่อนว่าจะนำไปติดตรงไหนของบ้าน เพราะหลอดไฟแต่ละแบบก็ให้ความสว่างไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเลือกหลอดไฟในบ้านต้องดูก่อนว่าจะติดไว้ที่จุดใด เพื่อให้เลือกได้ทั้งรูปแบบหลอด สีสัน ค่าความสว่าง และกำลังวัตต์ที่ประหยัดไฟมากที่สุด โดยการเลือกหลอดไฟตามห้องต่าง ๆ สามารถเลือกได้ดังต่อไปนี้
- ห้องนั่งเล่น เป็นห้องที่เป็นจุดศูนย์รวมของทุกคนในบ้าน การเลือกหลอดไฟในห้องนั่งเล่น จึงควรเลือกไฟที่มีโทนสีขาวสบายตาหรือไฟที่มีโทนอบอุ่น และควรเลือกแบบที่ประหยัดไฟด้วย เพราะห้องนี้มักจะต้องเปิดไฟไว้แทบจะตลอดเวลา
- ห้องครัว ควรเลือกใช้หลอดไฟที่สว่างไสว เป็นไฟโทนสีขาวที่ให้ความรู้สึกโล่งโปร่ง มองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน เพื่อให้ทำอาหารได้สะดวกมากขึ้น ป้องกันอันตรายจากความร้อนและของมีคม
- ห้องนอน เป็นห้องแห่งการพักผ่อน ควรเลือกใช้หลอดไฟแสงสีเหลืองอมส้ม ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น นอนหลับสบายมากขึ้น โดยเลือกติดไฟสีขาวไว้บางส่วนสำหรับอ่านหนังสือหรือแต่งหน้า
- ห้องน้ำ เพราะเป็นห้องที่เปียกชื้นอยู่ตลอดจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จึงควรเลือกไฟที่มีโทนสีขาวสว่างไสว มองเห็นคราบสกปรกได้สบาย โดยอาจเลือกใช้ไฟที่ปรับความสว่างได้ เพื่อป้องกันแสงไฟแยงตาเมื่อใช้งานตอนกลางคืน
2. โทนสีของแสง
ภาพ: แสงไฟแบบวอร์มไวท์
เพราะโทนสีของแสงจากหลอดไฟมีให้เลือกหลายโทน ซึ่งจะสร้างบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป การเลือกหลอดไฟในบ้านจึงต้องดูที่โทนสีด้วย เพื่อให้เข้ากับการตกแต่งบ้านมากที่สุด ซึ่งหน่วยเรียกอุณหภูมิของสีจะเรียกว่าองศาเคลวิน หรือเคลวิน (K) โดยโทนสีหลัก ๆ ที่นิยมใช้กันทุกวันนี้มี 3 แบบ ได้แก่
2.1 วอร์มไวท์ (Warm White) เป็นแสงโทนสีแดงอมส้ม มีอุณหภูมิสีอยู่ที่ 2,500-3,300 เคลวิน ช่วยสร้างบรรยากาศสุดผ่อนคลาย ส่วนใหญ่จะใช้กันในห้องนอน ห้องนั่งเล่น เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นน่าพักผ่อนมากยิ่งขึ้น
2.2 คูลไวท์ (Cool White) เป็นแสงโทนสีขาวที่สว่างกว่าสีวอร์มไวท์ มีอุณหภูมิสีอยู่ที่ 4,000-5,000 เคลวิน ดูสะอาด สบายตามากขึ้น ช่วยให้ความรู้สึกทันสมัย มักจะใช้กับห้องที่ต้องการความกระฉับกระเฉง เช่น ห้องครัว ห้องทำงาน
2.3 เดย์ไลท์ (Daylight) เป็นแสงโทนสีขาวอมฟ้า ให้ฟีลเหมือนกับแสงธรรมชาติช่วงกลางวัน มีอุณหภูมิสีอยู่ที่ 6,000-6,500 เคลวิน ช่วยให้มองเห็นรายละเอียดต่าง ๆ ในห้องได้อย่างชัดเจน จึงเหมาะกับห้องหรือมุมที่ต้องการเห็นรายละเอียด เช่น ห้องน้ำ ห้องนอนที่มีมุมแต่งหน้า
3. ความสว่างและการกระจายแสง
ภาพ: การกระจายแสงของหลอดไฟ
ความสว่างและการกระจายแสงเป็นเรื่องสำคัญที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด เพราะส่งผลโดยตรงกับเรื่องการใช้งานและบรรยากาศในบ้าน เพราะถ้าเลือกให้สว่างไม่เพียงพอก็อาจทำให้บ้านดูไม่น่าอยู่ แถมยังทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ยาก เช่น หากไฟสว่างไม่พอ เมื่ออ่านหนังสือแล้วก็อาจส่งผลเสียต่อสายตาได้ นอกจากนี้การเลือกหลอดไฟในบ้านตามรูปแบบการกระจายแสงก็มีหลายแบบ เลือกได้ดังต่อไปนี้
3.1 ไฟบริเวณ (Ambient Light) เป็นแสงไฟที่ให้ความสว่างโดยรวม เหมาะสำหรับติดกลางห้อง เช่น ไฟแขวนเพดานกลางห้อง โคมไฟเพดาน
3.2 ไฟส่องเน้น (Accent Light) เป็นแสงไฟที่ช่วยเพิ่มความสว่างให้กับบางจุดของห้องให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เช่น ไฟส่องภาพแขวนผนัง
3.3 ไฟเฉพาะจุด (Task Light) เป็นหลอดไฟเล็ก ๆ ที่ใช้งานเฉพาะบางจุดในห้อง เช่น โคมไฟตั้งโต๊ะ โคมไฟตั้งพื้น หรือไฟหัวเตียง
3.4 ไฟหลืบ (Concealed Light) เป็นไฟที่ติดตั้งไว้ตามมุมต่าง ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นหลอดไฟได้ เช่น ไฟใต้ตู้แขวนผนังในครัว
4. รูปทรงของหลอดไฟ
ภาพ: หลอดไฟแบบต่าง ๆ
นอกจากการเลือกหลอดไฟจะส่งผลต่อการใช้งานและบรรยากาศโดยรวมแล้ว ก็ยังใช้เป็นส่วนหนึ่งของการแต่งบ้านได้ด้วย การเลือกหลอดไฟในบ้านจึงควรเลือกตามรูปทรงของหลอดไฟด้วย โดยรูปทรงที่เห็นกันได้บ่อย ๆ และนิยมใช้กันในบ้าน จะมีให้เลือกดังต่อไปนี้
4.1 หลอดทรงกลม เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการแสงไฟที่ส่องเป็นวงกว้าง เหมาะกับการแต่งบ้านทั่วไป เหมาะสำหรับติดตั้งในโคมไฟได้หลากหลายสไตล์ ช่วยให้กระจายแสงได้ดีมากขึ้น
4.2 หลอดทรงยาว เป็นหลอดไฟทรงยาวที่พบเห็นได้ทั่วไป กระจายแสงได้ดี เลือกใช้ได้กับที่อยู่อาศัยและการแต่งบ้านทุกรูปแบบตามความต้องการ
4.3 หลอดจำปา เป็นหลอดทรงเรียวยาวคล้ายกับแสงเทียน เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการความแปลกใหม่ ให้บรรยากาศน่าค้นหา เพราะเป็นหลอดไฟที่มีแสงสลัว ๆ
4.4 หลอดเกลียว เป็นหลอดไฟที่เห็นกันได้บ่อยในปัจจุบัน รูปทรงเป็นเกลียวดูทันสมัย เหมาะกับบ้านที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น หรือแบบร่วมสมัยก็ได้เช่นกัน
5. ขั้วหลอดไฟ
ภาพ: ขั้วหลอดไฟแบบเกลียว
นอกจากรูปทรงของหลอดไฟแล้ว ส่วนที่เป็นขั้วหลอดไฟก็เป็นอีกส่วนที่ใช้เป็นตัวช่วยในการเลือกหลอดไฟในบ้านด้วย โดยขั้วหลอดแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือแบบเกลียวและแบบเขี้ยว ซึ่งจะต้องเลือกให้ถูกต้อง เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้เปิดไฟไม่ติด ต้องกลับไปซื้อมาเปลี่ยนใหม่ ใครที่ยังไม่รู้จักขั้วทั้งสองแบบนี้ NocNoc จะมาอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ กัน
5.1 ขั้วแบบเกลียว มีลักษณะเป็นเกลียวแบบที่เราใช้กันทุกวันนี้ ใช้หมุนเข้ากับขั้วอีกด้านหนึ่งได้เลย เป็นขั้วหลอดไฟที่อยู่ในหลอดไส้ หลอดกลม หรือหลอดไฟ LED
5.2 ขั้วแบบเขี้ยว มีลักษณะเป็นแง่งเหมือนกับเขี้ยว ใช้เสียบเข้ากับรางหลอดไฟได้เลย เห็นได้บ่อยในหลอดไฟยาว เช่น หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์
6. กำลังวัตต์ที่เหมาะสม
ภาพ: ความสว่างของหลอดไฟแบบต่าง ๆ
ค่าพลังงานหรือกำลังวัตต์ที่อยู่บนกล่องหลอดไฟ เป็นอีกส่วนที่อย่าลืมเลือกให้ดีก่อนการเลือกหลอดไฟในบ้าน เพราะจะส่งผลต่อค่าไฟที่บ้านเราโดยตรง วิธีเลือกหลอดไฟตามกำลังวัตต์ คือเลือกตามการใช้งานเป็นหลัก เพราะยิ่งกำลังวัตต์มากก็จะกินไฟมากขึ้นไปด้วย อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้หลอดไฟก็ถูกพัฒนาให้ประหยัดไฟมากขึ้น โดยเฉพาะหลอดไฟ LED ที่ปล่อยความร้อนน้อยลง ทำให้ประหยัดไฟมากขึ้น และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
7. ฟังก์ชันอื่น ๆ
ทุกวันนี้หลอดไฟทำงานได้มากกว่าแค่ให้ความสว่างทั่วไป ฟังก์ชันเสริมในหลอดไฟจึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเลือกหลอดไฟในบ้าน โดยฟังก์ชันเสริมที่ว่านี้มีตั้งแต่การปรับความสว่าง ปรับโทนสีให้เข้ากับบรรยากาศหรือการใช้งาน ไปจนถึงการควบคุมแสงไฟผ่านสมาร์ทโฟน หรือระบบสั่งการเปิด-ปิดด้วยเสียง ซึ่งควรเลือกใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และงบประมาณในกระเป๋าให้มากที่สุดนั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีเลือกหลอดไฟที่ NocNoc นำมาฝากกันในวันนี้ คงจะช่วยให้การเลือกหลอดไฟในบ้านง่ายขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับใครที่กำลังหาหลอดไฟหลอดใหม่ไปใช้กันที่บ้าน คลิกเข้ามาได้เลยที่ NocNoc เราได้รวบรวมสินค้าคุณภาพ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมด้วยบริการช่างคุณภาพมาช่วยติดตั้งเดินระบบไฟให้ได้มาตรฐาน ปลอดภัยต่อทุกคนในครอบครัว แถมยังเป็นช่างที่มั่นใจได้ว่าจะได้งานเนี๊ยบมีคุณภาพ ปลอดภัยจากปัญหาช่างทิ้งงาน และปัญหางบประมาณบานปลาย
สำหรับใครที่อยากได้หลอดไฟไปตกแต่งบ้าน แต่ยังหาไอเดียดี ๆ ที่เหมาะกับความชอบของตัวเองไม่ได้ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน NocNoc มาได้เลย รับรองว่ามีไอเดียเก๋ ๆ แน่นอน แต่ถ้ายังไม่ชัวร์ว่าชอบบ้านแนวไหน ให้ฟีเจอร์ Your Style Quiz มาเป็นตัวช่วยคัดสรรสไตล์แต่งบ้านที่ตอบโจทย์ของเรามากที่สุด พร้อมช้อปสินค้าได้เลยทันทีบนแอป ไม่ว่าที่ไหนเมื่อไรก็ช้อปเพลินได้ตลอด เคาะ จบ ทุกเรื่องบ้านที่ NocNoc
“
450
-
Idea&Inspiration
-
+1
10 ลำโพง Marshall รุ่นไหนดี ? แต่งห้องสวยถูกใจ ฟังเพลงได้เพลิน ๆ
โพสต์เมื่อ 21 Nov 2022
449
-
Tips&Tricks
-
+1
เปิดสูตรดริปกาแฟ 4:6 ชงง่าย อร่อยเกินต้าน
โพสต์เมื่อ 08 Aug 2023
428
-
Home repair
-
+3
รู้ก่อนแก้ 7 วิธีรับมือปัญหาพื้นห้องน้ำลื่น อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
โพสต์เมื่อ 21 Jan 2022
427
-
DIY
-
+3
10 อุปกรณ์บรรเทาออฟฟิศซินโดรม ลดปัญหาปวดร้าวที่คอ บ่า ไหล่
โพสต์เมื่อ 16 Dec 2021
427
-
Tips&Tricks
-
+1
ปูพื้นบ้านเร็วกว่าเดิม! ด้วยกระเบื้องยางแบบม้วน สวยทน สบายเท้า
โพสต์เมื่อ 21 Sep 2022