• Tips&Tricks

  • Knowledge

มาลดค่าไฟกันเถอะ! 8 วิธีการใช้ตู้เย็นให้ประหยัดไฟฟ้ากว่าเดิม

  • โดย NocNoc Writer

  • 21

Key Takeaways

  • ตำแหน่งการวางตู้เย็น, การทำความสะอาด, พฤติกรรมการแช่ของ, การเปิด-ปิดประตูตู้เย็น, การตั้งค่าอุณหภูมิ และ การตรวจสอบขอบยางและหลอดไฟในตู้เย็น คือ วิธีการใช้ตู้เย็นเบื้องต้นที่ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
  • เอาของร้อนจัดเข้าตู้เย็น, แช่ภาชนะที่ทำมาจากแก้ว แช่เครื่องดื่มอัดแก๊สในช่องแช่แข็ง และ เสียบปลั๊กตู้เย็นร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น คือ วิธีใช้ตู้เย็นที่ส่งผลให้ตู้เย็นเสียและพังเร็วขึ้น

หลายบ้านคงเคยพยายามประหยัดไฟกันทุกวิถีทาง ทั้งเปิดไฟเฉพาะดวงที่ใช้ ตั้งอุณหภูมิแอร์ไม่ให้ต่ำจนเกินไป และอีกหลาย ๆ อย่าง แต่ค่าไฟยังไม่ลดสักที! นั้นก็เพราะหลายครอบครัวมักมองข้ามเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นใหญ่อย่างตู้เย็นไป วันนี้ NocNoc เลยจะมาแชร์วิธีการใช้ตู้เย็นอย่างไรให้ประหยัดไฟฟ้า เพื่อให้ทุก ๆ บ้านนำไปใช้จะได้เป็นการช่วยลดภาระอีกช่องทางหนึ่ง

8 วิธีการใช้ตู้เย็นที่ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้

1. ตำแหน่งวางตู้เย็นต้องเหมาะสม

ใครตั้งตู้เย็นไว้ใกล้ไมโครเวฟหรือเตาแก๊สต้องย้ายด่วน เพราะตำแหน่งตู้เย็นที่ดีจะต้องไม่อยู่ใกล้กับอะไรร้อน ๆ อย่าง หม้อหุงข้าวหรือเตาอบ และก็ไม่ควรตั้งไว้ใกล้กับหน้าต่างหรือที่ที่มีแสงเข้าเยอะ ๆ เพราะจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้น สุดท้ายควรวางตู้เย็นให้ห่างจากผนังโดยรอบอย่างน้อย 15 ซม. เพื่อช่วยระบายความร้อนได้ดีขึ้น ถือเป็นวิธีใช้ตู้เย็นให้ประหยัดไฟแบบเบื้องต้นสุด ๆ

2. คอยทำความสะอาดตู้เย็นอยู่เสมอ

หลายคนมักมองข้ามหรือไม่เคยทำความสะอาดตู้เย็นเลย ซึ่งเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ตู้เย็นทำงานหนักมากขึ้น เพราะเต็มไปด้วยของหมดอายุ ซึ่งการทำความสะอาดตู้เย็นนั้นมีข้อดีมากมาย ทั้งช่วยลดคราบต่าง ๆ ที่ติดอยู่ตามชั้น ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แถมยังได้เห็นของในตู้เย็นทั้งหมดว่ามีอะไรบ้าง จะได้ถือโอกาสเคลียร์ตู้เย็นไปในตัว

3. อย่าแช่ของเยอะจนตู้เย็นแน่น

อีกหนึ่งปัญหาที่หลายครอบครัวต้องเจอ โดยเฉพาะครอบครัวใหญ่ ๆ ที่ชอบตุนของในตู้เย็น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ตู้เย็นกินไฟแบบไม่รู้ตัว เนื่องจากความเย็นไม่สามารถกระจายไปได้อย่างทั่วถึง ตู้เย็นเลยทำงานหนักขึ้น ๆ ดังนั้นควรซื้อของเข้าบ้านแบบพอดี ๆ เฉพาะเท่าที่กิน ส่วนอันไหนหมดอายุหรือเสียแล้วก็ควรทิ้ง เพื่อทำให้ตู้เย็นโล่งจะได้ไม่กินไฟ

4. ไม่ควรเปิดตู้เย็นบ่อยหรือเปิดค้างไว้นาน ๆ

ภาพ: ตู้เย็น

พอตกดึกเดินผ่านตู้เย็นทีไร อดใจไม่ไหวต้องเปิดเช็กดูว่ามีอะไรกินไหมทุกที ถึงแม้จะเพิ่งเปิดไปเมื่อ 10 นาทีที่แล้วก็ตาม พฤติกรรมคนหิวที่ส่งผลให้ตู้เย็นกินไฟกว่าเดิม เพราะเมื่อไรที่เราเปิดตู้เย็น อุณหภูมิข้างในก็จะสูงขึ้น ทำให้คอมเพรสเซอร์ตู้เย็นต้องทำงานหนักเพื่อให้อุณหภูมิกลับมาเย็นเท่าเดิม ดังนั้นการเปิดตู้เย็นเท่าที่จำเป็น จึงเป็นอีกวิธีการใช้ตู้เย็นให้ประหยัดไฟมากขึ้น

5. ปรับระดับอุณภูมิของตู้เย็นให้เหมาะสม

ภาพ: แถบตั้งค่าอุณหภูมิตู้เย็น

อยู่คอนโดคนเดียวหรือที่บ้านไม่ค่อยทำอาหารกินเอง แต่ดันตั้งค่าอุณหภูมิไว้ระดับสูงสุด ก็เป็นอีกพฤติกรรมที่ทำให้ตู้เย็นทำงานหนัก วิธีประหยัดไฟฟ้าที่ดีคือต้องตั้งค่าตู้เย็นให้เหมาะกับพฤติกรรมการใช้งานตู้เย็น เช่น บ้านไหนชอบทำอาหาร มีของสดเต็มตู้ ก็ควรตั้งค่าอุณหภูมิอยู่ระหว่าง MED – MAX แต่ถ้าบ้านไหนไม่ทำอาหารเลย มีแค่น้ำเปล่า ก็ตั้งไว้ที่ MIN – MED ก็เพียงพอแล้ว

6. เลือกช่องแช่ของให้เหมาะสม

ไปตลาดเสร็จกลับมาถึงบ้านไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบเอาของยัดเข้าตู้เย็นโดยที่ไม่ได้เลือกช่องแช่ให้เหมาะกับของที่ซื้อมา เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ค่าไฟขึ้นจากการที่ตู้เย็นทำงานหนัก แถมยังทำให้ของเสียเร็วขึ้นกว่าที่ควรจะเป็นอีกด้วย ดังนั้นวิธีการใช้ตู้เย็นให้ถูกต้องและประหยัดไฟ จะต้องเลือกช่องเก็บของให้เหมาะสม ตามตารางด้านล่างนี้

7. หมั่นตรวจสอบขอบยางเป็นประจำ

ภาพ: ขอบยางตู้เย็น

แช่ของนานแค่ไหนก็เย็นไม่สุดสักที จะว่าตั้งอุณหภูมิผิดก็ไม่น่าใช่ หนึ่งปัจจัยที่ทำให้ของในตู้เย็นเย็นช้าอาจเป็นเพราะขอบยางตู้เย็นเสื่อม ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมักไม่ได้สังเกต วิธีเช็กคือให้ลองจับที่ขอบยางตู้เย็นดูว่ายังนิ่มอยู่ไหม หากขอบยางแข็งไม่นิ่มเหมือนตอนซื้อมาใหม่ ๆ แสดงว่าขอบยางเสื่อมสภาพ วิธีแก้คือให้เปลี่ยนขอบยางใหม่ เพื่อให้ประตูตู้เย็นกลับมาปิดสนิทเหมือนเดิม

8. ต้องคอยเช็กหลอดไฟในตู้เย็น

ภาพ: หลอดไฟในตู้เย็น

ตอนเด็ก ๆ ทุกคนต้องเคยลองแง้มประตูตู้เย็นดูจังหวะไฟในตู้เย็นเปิด ซึ่งหลอดไฟในตู้เย็นอันนั้นคือตัวช่วยที่ดีที่มาเพิ่มความสะดวกในการหาของ แต่หากสวิตช์ไฟชำรุดหรือเกิดค้าง ทำให้เวลาปิดตู้เย็นแล้ว หลอดไฟก็ยังทำงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อุณหภูมิภายในตู้สูงและคอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก เป็นสาเหตุที่ทำให้ตู้เย็นกินไฟ ดังนั้นอย่าลืมเช็กหลอดไฟในตู้เย็นว่ายังใช้งานได้ปกติดีอยู่หรือเปล่า

หลังจากที่ทุกคนได้รู้วิธีการใช้ตู้เย็นที่ช่วยประหยัดไฟฟ้ากันไปแล้ว ตามมาดูเคล็ดลับการใช้งานตู้เย็นแบบง่าย ๆ ที่ช่วยให้ตู้เย็นของคุณอยู่กับคุณไปนาน ๆ

4 เคล็ดลับใช้งานตู้เย็นยังไงให้ไม่พังเร็ว

1. ไม่ควรเอาของร้อนจัดเข้าตู้เย็น

หลายคนชอบทำอาหารทีเดียวเยอะ ๆ เพื่อเก็บไว้กินหลาย ๆ วัน แต่หลังจากทำเสร็จได้ไม่นานก็รีบเอาเข้าตู้เย็นทันที เพราะกลัวว่าจะเสีย โดยที่ไม่รอให้อาหารเย็นก่อน และด้วยอุณหภูมิของอาหารที่สูงจัด จึงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ตู้เย็นพังเร็ว แถมยังเป็นวิธีการใช้ตู้เย็นที่ทำให้ตู้เย็นทำงานหนัก ซึ่งส่งผลให้ค่าไฟขึ้นอีกด้วย

2. ไม่ควรแช่ภาชนะที่เป็นแก้วในช่องฟรีซ

อยากให้น้ำส้มคั้นที่ซื้อมาเย็นไว ๆ เลยเทใส่แก้วแล้วเอาไปแช่ในช่องแช่แข็ง แต่ดันลืมทิ้งไว้ทั้งคืน ถือเป็นพฤติกรรมการใช้ตู้เย็นที่สุ่มเสี่ยงแบบสุด ๆ เพราะการที่เราเอาภาชนะที่ทำมาจากแก้ว เข้าไปแช่ในช่องฟรีซ ความเย็นจะทำให้น้ำในภาชนะขยายตัว จนภาชนะแตก และทำให้ตู้เย็นพังได้

3. ไม่ควรแช่เครื่องดื่มอัดแก๊สในช่องฟรีซ

ภาพ: น้ำอัดลม

เอาน้ำอัดลมไปแช่ในช่องฟรีซ เพราะอยากลองทำให้เป็นวุ้นแบบใน TikTok แต่หารู้ไม่ว่าเป็นวิธีการใช้ตู้เย็นแบบไม่พึงประสงค์แบบสุด ๆ เนื่องจากเครื่องดื่มที่มีแก๊สนั้นสามารถขยายตัวได้ โดยเฉพาะในช่องแช่แข็ง ซึ่งอาจทำให้เกิดการระเบิดจนตู้เย็นเสียหายได้

4. ไม่ควรเสียบปลั๊กตู้เย็นร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น

ภาพ: ปลั๊กไฟ

แน่นอนว่าตู้เย็นคือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องเสียบปลั๊กเอาไว้ตลอดเวลา และหากบ้านไหนเกิดเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ ไปเสียบรวมกับเต้ารับของตู้เย็น อาจทำให้เต้ารับนั้นร้อนจนเกิดความเสียหายได้ ทางที่ดีควรแยกเต้ารับโดยเฉพาะ จะเป็นวิธีการใช้ตู้เย็นที่ดีที่สุด

และนี่ก็เป็นวิธีใช้ตู้เย็นยังไงให้ตู้เย็นอยู่กับบ้านคุณไปนาน ๆ หลังจากรู้วิธีประหยัดไฟฟ้าตู้เย็นและวิธีการใช้ไปแล้ว ตามมาดู 5 ตู้เย็นประหยัดไฟที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในบ้านของคุณ

แนะนำ 5 ตู้เย็นประหยัดไฟ ลดค่าใช้จ่าย Save เงินในกระเป๋า

1. LG ตู้เย็น 1 ประตู ขนาด 6.1 Q รุ่น GN-Y201CLBB

เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กหรือคนที่อยู่คนเดียว ตู้เย็นจาก LG ขนาด 6.1 คิว ดีไซน์สวยทันสมัย มาพร้อมระบบ Smart Inverter Compressor ที่ช่วยประหยัดพลังงาน และระบบ Moist Balance Crisper ที่ช่วยรักษาระดับความชุ่มชื้นภายในช่องแช่ผักได้เป็นอย่างดี

ราคา 5,650 บาท*

2. TOSHIBA ตู้เย็น 2 ประตู ขนาด 8.3 Q รุ่น GR-A28KS สีเทา

เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารกินเอง ตู้เย็น 2 ประตู จาก TOSHIBA ขนาด 8.3 คิว มาพร้อมช่องแช่ผักและผลไม้ขนาดใหญ่พิเศษถึง 13 ลิตร แถมยังเลื่อนเข้าออกได้อย่างสะดวก อีกทั้งชั้นด้านข้างประตูยังสามารถปรับตำแหน่งได้ตามการใช้งานอีกด้วย

ราคา 8,590 บาท*

3. HITACHI ตู้เย็น 3 ประตู ขนาด 13 Q รุ่น RS38KPTH

ใครกำลังมองหาตู้เย็นดีไซน์สวยแพงต้องทางนี้ ตู้เย็น 3 ประตู จาก HITACHI ขนาด 13 คิว ด้วยดีไซน์ 3 ประตูที่ไม่เหมือนใคร มาพร้อมกับสีทองที่ดูแพง จึงช่วยยกระดับความปังของห้องครัวแบบฉุดไม่อยู่ แถมยังมี Moisture-Guard ตัวช่วยควบคุมความชื้นในช่องแช่ผักให้สดใหม่ยาวนาน

ราคา 27,004 บาท*

4. SHARP ตู้เย็นมัลติดอร์ ขนาด 20.5 Q รุ่น SJ-FX74T-SL สีเงิน

ตอบโจทย์ความต้องการของครอบครัวขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี ตู้เย็น 4 ประตู จาก SHARP ขนาด 20.5 คิว มาพร้อมกับระบบอินเวอร์เตอร์ ที่สั่งการให้คอมเพรสเซอร์ทำงานสม่ำเสมอ จึงช่วยประหยัดพลังงานได้ดี อีกทั้งยังทำให้เครื่องเดินเรียบ ไร้เสียงรบกวน

ราคา 27,990 บาท*

5. Electrolux ตู้เย็น 2 ประตู ขนาด 21.8 Q รุ่น ESE6645A-BTH สีกระจกดำ

บ้านไหนสมาชิกเยอะต้องเปิดตู้เย็นกินน้ำบ่อย ๆ ต้องตัวนี้ ตู้เย็น 2 ประตู จาก Electrolux ขนาด 21.8 คิว มาพร้อมที่กดน้ำดื่มบริเวณหน้าประตูตู้เย็น ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการกินน้ำได้เป็นอย่างดี และฟังก์ชันสุดล้ำ Door Alarm ช่วยส่งเสียงเตือนหากปิดประตูตู้เย็นไม่สนิท

ราคา 45,990 บาท*

ทั้งหมดนี้คือวิธีการใช้ตู้เย็นอย่างไรให้ประหยัดพลังงานมากที่สุด ส่วนใครกำลังมองหาตู้เย็นเครื่องใหม่ สามารถเข้ามาเลือกช้อปได้ที่ NocNoc ตลาดออนไลน์ที่รวบรวมตู้เย็นไว้หลายยี่ห้อ สะดวกกว่าเพราะช้อปได้ทุกที่ทุกเวลา แถมยังไม่ต้องเหนื่อยเดินทางออกไปซื้ออีกด้วย ส่วนใครอยากได้ไอเดียแต่งห้องครัวสวย ๆ สามารถเข้ามาดูได้ที่ แอปพลิเคชัน NocNoc เพื่อค้นหาสไตล์การแต่งบ้านที่ใช่ด้วยฟังก์ชัน Your Style Quiz และฟังก์ชัน Inspiration Feed ที่รวบรวมไอเดียหลากหลายเพื่อบ้านของคุณ ช่วยให้ทุกคนมีบ้านที่สวยตรงใจเหมือนในฝัน

*ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน

NocNoc Writer

กองบรรณาธิการ NocNoc ที่อยากถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับบ้าน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนสามารถสร้างบ้านในฝันให้เป็นจริง

บทความที่เกี่ยวข้อง